รวมเทคนิคภาษา อังกฤษ พื้นฐาน grammar ที่ใช้ได้จริงในชีวิต

ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน (Basic English Grammar) เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประโยคที่ถูกต้องและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำความเข้าใจองค์ประกอบหลักๆ จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ชนิดของคำ (Parts of Speech)

ส่วนประกอบพื้นฐานของประโยค ประกอบด้วยคำชนิดต่างๆ ดังนี้:

  • คำนาม (Nouns): คำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ความคิด หรือนามธรรม เช่น teacher, dog, book, Bangkok, happiness
  • คำสรรพนาม (Pronouns): คำที่ใช้แทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ เช่น I, you, we, they, he, she, it
  • คำกริยา (Verbs): คำที่แสดงการกระทำ สภาวะ หรือการเกิดขึ้น เช่น run, eat, is, am, are, become
  • คำคุณศัพท์ (Adjectives): คำที่ใช้อธิบายหรือขยายคำนามหรือคำสรรพนาม บอกลักษณะ คุณภาพ หรือคุณสมบัติ เช่น beautiful, tall, happy, red
  • คำวิเศษณ์ (Adverbs): คำที่ใช้อธิบายหรือขยายคำกริยา คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์ด้วยกันเอง บอกลักษณะอาการ เวลา สถานที่ หรือระดับ เช่น quickly, very, here, often
  • คำบุพบท (Prepositions): คำที่ใช้เชื่อมคำนาม สรรพนาม หรือวลีเข้ากับส่วนอื่นๆ ของประโยค บอกตำแหน่ง เวลา ทิศทาง เช่น in, on, at, under, to, from
  • คำสันธาน (Conjunctions): คำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคเข้าด้วยกัน เช่น and, but, or, so, because
  • คำอุทาน (Interjections): คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึก มักตามด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์ เช่น Oh!, Wow!, Ouch!

โครงสร้างประโยคพื้นฐาน (Basic Sentence Structure)

ประโยคภาษาอังกฤษโดยทั่วไปมีโครงสร้างหลักคือ ประธาน (Subject) + กริยา (Verb) + (กรรม (Object)/ส่วนขยาย (Complement))

รวมเทคนิคภาษา อังกฤษ พื้นฐาน grammar ที่ใช้ได้จริงในชีวิต
  • ประโยคบอกเล่า (Affirmative): Subject + Verb + Object/Complement. เช่น She reads a book. (เธออ่านหนังสือ)
  • ประโยคปฏิเสธ (Negative): มักใช้ ‘not’ ร่วมกับกริยาช่วย (auxiliary verb) เช่น do/does, is/am/are, will. เช่น She does not read a book. (เธอไม่อ่านหนังสือ)
  • ประโยคคำถาม (Interrogative):
    • Yes/No Questions: ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย เช่น Does she read a book? (เธออ่านหนังสือหรือไม่?)
    • Wh-Questions: ขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม (Wh-words) เช่น What, Where, When, Who, Why, How. เช่น What does she read? (เธออ่านอะไร?)

กาล (Tenses) ที่สำคัญเบื้องต้น

Tense บอกช่วงเวลาของการกระทำหรือเหตุการณ์ พื้นฐานที่ควรรู้:

  • Present Simple Tense: ใช้พูดถึงความจริงทั่วไป กิจวัตร หรือสิ่งที่ทำเป็นประจำ โครงสร้าง: Subject + Verb (ช่อง 1) (ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 กริยาเติม s/es). เช่น He plays football every day.
  • Past Simple Tense: ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต โครงสร้าง: Subject + Verb (ช่อง 2). เช่น They went to the beach yesterday.
  • Future Simple Tense: ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โครงสร้าง: Subject + will + Verb (ช่อง 1) หรือ Subject + be going to + Verb (ช่อง 1). เช่น I will call you tomorrow.
  • Present Continuous Tense: ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด โครงสร้าง: Subject + is/am/are + Verb-ing. เช่น We are studying English now.

องค์ประกอบสำคัญอื่นๆ

  • คำนำหน้านาม (Articles: a, an, the):
    • a/an: ใช้กับคำนามนับได้เอกพจน์ทั่วไป ไม่ชี้เฉพาะ (a + เสียงพยัญชนะ, an + เสียงสระ). เช่น a cat, an apple
    • the: ใช้กับคำนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือกล่าวถึงแล้ว. เช่น The sun is bright.
  • คำนามเอกพจน์และพหูพจน์ (Singular and Plural Nouns): คำนามส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นพหูพจน์โดยการเติม -s หรือ -es (เช่น book/books, box/boxes) แต่มีบางคำที่เปลี่ยนรูป (เช่น man/men, child/children).
  • การใช้กริยาให้สอดคล้องกับประธาน (Subject-Verb Agreement): ประธานเอกพจน์ใช้กริยาเอกพจน์ ประธานพหูพจน์ใช้กริยาพหูพจน์. เช่น The dog barks. The dogs bark.

การทำความเข้าใจและฝึกฝนไวยากรณ์พื้นฐานเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและมั่นใจยิ่งขึ้น