การ เปรียบเทียบ ภาษาอังกฤษ ช่วยให้พูดคล่องขึ้นจริงไหม ลองดูสิมีประโยชน์นะ

ภาษาอังกฤษมีการใช้งานที่หลากหลายทั่วโลก ทำให้เกิดความแตกต่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างภาษาอังกฤษแบบบริติช (British English – BrE) และภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English – AmE) ซึ่งเป็นสองสำเนียงหลักที่คนส่วนใหญ่มักเปรียบเทียบ ความแตกต่างเหล่านี้ปรากฏในหลายด้าน:

ความแตกต่างด้านคำศัพท์ (Vocabulary)

คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันหลายคำมีความแตกต่างกันระหว่าง BrE และ AmE ตัวอย่างเช่น:

  • BrE: lift, AmE: elevator (ลิฟต์)
  • BrE: flat, AmE: apartment (ห้องชุด)
  • BrE: lorry, AmE: truck (รถบรรทุก)
  • BrE: biscuit, AmE: cookie (คุกกี้)
  • BrE: autumn, AmE: fall (ฤดูใบไม้ร่วง)
  • BrE: holiday, AmE: vacation (วันหยุดพักผ่อน)
  • BrE: pavement, AmE: sidewalk (ทางเท้า)
  • BrE: queue, AmE: line (แถว)
  • BrE: crisps, AmE: (potato) chips (มันฝรั่งทอดกรอบ)
  • BrE: chips, AmE: French fries (มันฝรั่งทอด)

ความแตกต่างด้านการสะกดคำ (Spelling)

การสะกดคำหลายคำมีความแตกต่างกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งมักพบเห็นได้บ่อย:

การ เปรียบเทียบ ภาษาอังกฤษ ช่วยให้พูดคล่องขึ้นจริงไหม ลองดูสิมีประโยชน์นะ
  • -our (BrE) vs. -or (AmE): เช่น colour (BrE) / color (AmE), honour (BrE) / honor (AmE)
  • -re (BrE) vs. -er (AmE): เช่น centre (BrE) / center (AmE), theatre (BrE) / theater (AmE)
  • -ise (BrE) vs. -ize (AmE): เช่น organise (BrE) / organize (AmE), realise (BrE) / realize (AmE) (อย่างไรก็ตาม การใช้ -ise ก็พบได้ใน AmE สำหรับบางคำ)
  • -ll- (BrE) vs. -l- (AmE) ในคำกริยา: เช่น travelling (BrE) / traveling (AmE), modelling (BrE) / modeling (AmE)
  • คำเฉพาะบางคำ: เช่น defence (BrE) / defense (AmE), grey (BrE) / gray (AmE), programme (BrE) / program (AmE)

ความแตกต่างด้านไวยากรณ์ (Grammar)

มีความแตกต่างเล็กน้อยในโครงสร้างไวยากรณ์และการใช้งานที่น่าสนใจ:

  • คำนามกลุ่ม (Collective nouns): ใน BrE คำนามกลุ่ม (เช่น team, family, government) สามารถใช้กับคำกริยารูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้ (e.g., The team is winning. / The team are winning.) ขึ้นอยู่กับว่าผู้พูดมองกลุ่มนั้นเป็นหน่วยเดียวหรือเป็นกลุ่มของปัจเจกบุคคล ในขณะที่ AmE มักจะใช้กับคำกริยารูปเอกพจน์ (e.g., The team is winning.)
  • Present Perfect Tense vs. Past Simple Tense: BrE มีแนวโน้มที่จะใช้ Present Perfect (e.g., I‘ve lost my keys. Have you seen them?) สำหรับการกระทำในอดีตที่เพิ่งจบลงหรือส่งผลต่อปัจจุบันมากกว่า AmE ซึ่งอาจใช้ Past Simple ในสถานการณ์เดียวกัน (e.g., I lost my keys. Did you see them?) โดยเฉพาะเมื่อมีคำว่า already, just, yet
  • การใช้ ‘have got’ และ ‘have’: BrE มักใช้ ‘have got’ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ (e.g., I‘ve got a new car.) ขณะที่ AmE มักใช้ ‘have’ (e.g., I have a new car.) ส่วน ‘gotten’ ใน AmE เป็นรูป past participle ของ get และมักใช้ในความหมายว่า “ได้รับ” หรือ “กลายเป็น” (e.g., He‘s gotten much better.) ซึ่ง BrE จะใช้ ‘got’.
  • คำบุพบท (Prepositions): มีความแตกต่างในการใช้คำบุพบทบางคำ เช่น BrE: ‘at the weekend’, AmE: ‘on the weekend’; BrE: ‘different from/to’, AmE: ‘different from/than’.

ความแตกต่างด้านการออกเสียง (Pronunciation)

การออกเสียงเป็นอีกด้านที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจน แม้จะยากที่จะอธิบายโดยละเอียดโดยไม่มีสัทอักษร:

  • การออกเสียง /r/ (Rhoticity): AmE โดยทั่วไปเป็นสำเนียงแบบ rhotic คือออกเสียง /r/ ท้ายคำหรือหน้าพยัญชนะ (เช่นในคำว่า car, bird) ในขณะที่ BrE (โดยเฉพาะ Received Pronunciation – RP ซึ่งเป็นสำเนียงมาตรฐานหนึ่ง) เป็น non-rhotic คือไม่ออกเสียง /r/ ในตำแหน่งดังกล่าว (เว้นแต่ตามด้วยสระ เช่น far away)
  • เสียงสระ (Vowel sounds): มีความแตกต่างในเสียงสระหลายเสียง เช่น เสียงสระในคำว่า ‘bath’, ‘ask’, ‘dance’ ใน AmE มักออกเสียงเป็น /æ/ (คล้ายเสียง ‘แอ’ ในภาษาไทย) ในขณะที่ BrE (RP) มักออกเสียงเป็น /ɑː/ (คล้ายเสียง ‘อา’ ยาว)
  • การออกเสียงตัว ‘t’: ใน AmE ตัว ‘t’ ที่อยู่ระหว่างสระ (intervocalic ‘t’) มักออกเสียงเป็น flap /t̬/ ซึ่งฟังคล้ายเสียง /d/ (เช่นในคำว่า ‘water’, ‘better’, ‘city’) ในขณะที่ BrE (RP) จะออกเสียง /t/ ชัดเจนกว่า
  • การเน้นเสียง (Stress): บางคำมีการเน้นเสียงพยางค์ที่แตกต่างกัน เช่น ‘adult’ (AmE เน้นพยางค์แรก, BrE เน้นพยางค์หลัง) หรือ ‘controversy’.

นอกเหนือจาก BrE และ AmE ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแล้ว ภาษาอังกฤษยังมีสำเนียงและรูปแบบการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์อื่นๆ อีกมากมายทั่วโลก เช่น ภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย (Australian English), ภาษาอังกฤษแบบแคนาดา (Canadian English), ภาษาอังกฤษแบบนิวซีแลนด์ (New Zealand English), ภาษาอังกฤษแบบไอร์แลนด์ (Irish English), ภาษาอังกฤษแบบแอฟริกาใต้ (South African English) และภาษาอังกฤษที่ใช้เป็นภาษาที่สองหรือภาษาต่างประเทศในหลายภูมิภาค เช่น ภาษาอังกฤษแบบอินเดีย (Indian English) หรือสิงลิช (Singlish) ซึ่งแต่ละแบบก็มีคำศัพท์ การออกเสียง และลักษณะทางไวยากรณ์เฉพาะของตนเองที่ได้รับอิทธิพลจากบริบททางวัฒนธรรมและภาษาท้องถิ่น

สรุป: ความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษแบบต่างๆ โดยเฉพาะ BrE และ AmE นั้นมีอยู่จริงและครอบคลุมหลายแง่มุม อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้ภาษาอังกฤษจากต่างสำเนียงยังคงสามารถสื่อสารและเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี การตระหนักและเรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพูนความรู้ทางภาษา แต่ยังช่วยให้การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อความหลากหลายของภาษาอังกฤษในโลกปัจจุบัน