การถามอายุ (Asking about age)
คำถามที่ใช้บ่อยที่สุดในการถามอายุในภาษาอังกฤษคือ:
- How old are you? (คุณอายุเท่าไหร่?)
- How old is he/she? (เขา/เธออายุเท่าไหร่?)
- How old are they? (พวกเขาอายุเท่าไหร่?)
การบอกอายุ (Stating age)
เมื่อต้องการบอกอายุ ให้ใช้โครงสร้างประโยคดังนี้: Subject + verb to be (is, am, are) + [number] + (years old).
ตัวอย่าง:

- I am 30 years old. หรือย่อกว่า I’m 30. (ฉันอายุ 30 ปี)
- She is 25 years old. หรือย่อกว่า She’s 25. (เธออายุ 25 ปี)
- They are 50. (พวกเขาอายุ 50 ปี)
สังเกตว่าสามารถละคำว่า “years old” ได้ โดยเฉพาะในการสนทนาที่ไม่เป็นทางการ ทำให้ประโยคกระชับขึ้น
คำศัพท์และวลีที่เกี่ยวข้องกับอายุ (Age-related vocabulary and phrases)
- Age (n.): อายุ (คำนาม) เช่น “What is his age?” (เขาอายุเท่าไหร่?) ซึ่งมีความเป็นทางการมากกว่า “How old is he?”
- Years old: เป็นวลีที่ใช้ต่อท้ายตัวเลขเพื่อบอกอายุ
- Child: เด็ก (โดยทั่วไปอายุน้อยกว่าวัยรุ่น)
- Teenager: วัยรุ่น (โดยทั่วไปอายุ 13-19 ปี)
- Adult: ผู้ใหญ่
- Middle-aged: วัยกลางคน (โดยทั่วไปอายุประมาณ 40-60 ปี)
- Elderly / Senior citizen: ผู้สูงอายุ (โดยทั่วไปอายุ 65 ปีขึ้นไป)
การบอกช่วงอายุโดยประมาณ:
- In one’s early twenties: อายุประมาณ 20-23 ปี (เช่น She is in her early twenties.)
- In one’s mid-thirties: อายุประมาณ 34-36 ปี (เช่น He is in his mid-thirties.)
- In one’s late forties: อายุประมาณ 47-49 ปี (เช่น They are in their late forties.)
- He is in his fifties. เขาอายุประมาณ 50-59 ปี
ข้อควรจำ (Important points)
- ในภาษาอังกฤษ เราใช้กริยา “to be” (is, am, are) เพื่อบอกอายุ ไม่ใช่คำว่า “have” เหมือนในภาษาไทย ตัวอย่าง: “I am 30 years old.” (ไม่ใช่ I have 30 years.)
- คำว่า “years old” มักจะถูกละไว้ในการสนทนาที่ไม่เป็นทางการ เพื่อความกระชับ เช่น “He is 40.” แทนที่จะพูดเต็มว่า “He is 40 years old.”
- เมื่อกล่าวถึงอายุของสิ่งของที่ไม่ใช่คน อาจใช้คำว่า “old” ได้เช่นกัน เช่น “This building is 100 years old.”