ไฟฟ์วันทอล์ค คืออะไร ทำไมใครๆ ก็ชอบใช้กันจังเลย

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวนิดหน่อยครับ คือช่วงก่อนหน้านี้ผมมีภารกิจที่ต้องไปพูดคุย นำเสนองานให้ทีมงานต่างชาติฟัง ซึ่งปกติผมก็พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่พอต้องใช้แบบเป็นทางการ พูดต่อเนื่องยาวๆ นี่สิ ปัญหาเกิดเลยครับ!

เริ่มจากความกังวล สู่การลงมือทำ

ตอนแรกเลยนะ ผมนั่งเตรียมสคริปต์เอง ท่องจำคำศัพท์เฉพาะทางที่ต้องใช้ พยายามนึกภาพว่าถ้าต้องตอบคำถามจะพูดยังไง คือทำทุกอย่างเท่าที่คิดได้ แต่ในใจมันก็ยังกังวลอยู่ดี กลัวพูดแล้วติดๆ ขัดๆ หรือใช้คำไม่ถูก แล้วจะทำให้งานเสียเอาได้

ผมก็เลยเริ่มมองหาตัวช่วยครับ ตอนนั้นคิดว่าต้องหาที่ฝึกพูดจริงๆ จังๆ สักหน่อยแล้วล่ะ นั่งคิดอยู่หลายวันว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ลองค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตดู ก็ไปเจอหลายที่เลยที่เขาสอนเกี่ยวกับการสื่อสาร การนำเสนอโดยตรง

ค้นพบแนวทางและการฝึกฝน

หลังจากที่ได้ลองศึกษาข้อมูลดูหลายๆ ที่ ผมก็เริ่มเห็นแนวทางว่าควรจะพัฒนาตรงไหนบ้าง หลักๆ คือเรื่องความคล่องแคล่วในการพูด และความมั่นใจนี่แหละสำคัญเลย ผมเริ่มจากการฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจกทุกวันครับ แรกๆ ก็เขินๆ นะ แต่ทำไปสักพักมันก็เริ่มชิน แล้วก็พยายามหาโอกาสคุยกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวต่างชาติให้มากขึ้นด้วย

ทีนี้พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกล้าพูดมากขึ้นแล้ว ก็อยากจะหาคนช่วยคอมเมนต์ ช่วยชี้แนะจุดที่ต้องปรับปรุง ผมเลยลองมองหาคอร์สเรียนออนไลน์ดูบ้างครับ ซึ่งมันก็มีตัวเลือกเยอะมากจริงๆ นะครับ อย่างบางแพลตฟอร์มที่เห็นผ่านๆ ตา เช่น 51Talk ก็ดูเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากจะฝึกฝนการสนทนาโดยเฉพาะเลยนะ แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันที ก็ดูๆ ไว้เป็นข้อมูลก่อน

  • ขั้นแรก: ทบทวนเนื้อหาที่จะพูดให้แม่นยำ
  • ขั้นที่สอง: ฝึกพูดออกเสียงให้ชัดเจน ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป
  • ขั้นที่สาม: ลองอัดวิดีโอตัวเองตอนพูด แล้วกลับมาดูเพื่อหาจุดบกพร่อง
  • ขั้นที่สี่: หาคนช่วยฟังและให้คำแนะนำ อันนี้สำคัญมาก!

ผมใช้วิธีหลังสุดนี่แหละครับ คือให้เพื่อนสนิทช่วยฟัง แล้วก็ให้เขาติชมได้เต็มที่เลยว่าตรงไหนฟังไม่รู้เรื่อง ตรงไหนควรปรับปรุง มันช่วยได้เยอะจริงๆ นะ เพราะบางทีเรามองไม่เห็นข้อผิดพลาดของตัวเอง

ผลลัพธ์ที่เกินคาด

พอถึงวันที่ต้องไปพูดจริงๆ ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก แต่ด้วยความที่เราเตรียมตัวมาพอสมควร ฝึกซ้อมมาหลายรอบ มันก็ทำให้ความกังวลลดลงไปได้เยอะเลยครับ ผมพยายามพูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด สบตาผู้ฟัง ใช้โทนเสียงที่เหมาะสม ตอนนั้นผมรู้สึกว่าการเตรียมตัวของผมมันไม่ได้สูญเปล่าเลยครับ แม้ว่าอาจจะไม่ได้เพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถสื่อสารสิ่งที่ต้องการออกไปได้ครบถ้วน

หลังจากจบการนำเสนอ ผมรู้สึกโล่งใจมาก แล้วก็ภูมิใจในตัวเองนิดๆ ที่กล้าก้าวข้ามความกลัวของตัวเองได้สำเร็จครับ การได้ลองฝึกฝนอย่างจริงจัง การเปิดใจรับฟังความคิดเห็น มันช่วยพัฒนาทักษะของเราได้จริงๆ ครับ

ผมว่าสมัยนี้แหล่งข้อมูลหรือเครื่องมือช่วยฝึกฝนมันมีเยอะมากเลยนะ อย่างที่เคยเห็นโฆษณาของ 51Talk เขาก็เน้นการเรียนตัวต่อตัวกับครูชาวต่างชาติ ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เรากล้าพูดมากขึ้นได้เหมือนกัน เพราะได้โต้ตอบจริงๆ

สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าถ้าใครกำลังเจอปัญหาคล้ายๆ กัน คือไม่มั่นใจในการพูด หรือการนำเสนอ อย่าเพิ่งท้อนะครับ ลองหาแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง แล้วก็ลงมือฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ อย่างผมเองก็ยังต้องฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกันครับ บางทีการมีคนช่วยไกด์ อย่างการเรียนกับผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ดีๆ เช่น 51Talk ก็เป็นตัวช่วยที่ดีมากเลยครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการพัฒนาตัวเองนะครับ!