สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับเรื่องการหาสถาบันกวดวิชาภาษาอังกฤษให้ลูกชาย ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะยากอะไร แต่พอเอาเข้าจริง โอ้โห… ปวดหัวไม่ใช่เล่นเลยครับ
เริ่มต้นการผจญภัยค้นหาสถาบัน
เรื่องของเรื่องคือ ลูกชายผมเนี่ย ภาษาอังกฤษที่โรงเรียนก็งั้นๆ ครับ คือพอไปวัดไปวาได้ แต่ถ้าจะให้พูดคุย สื่อสารจริงๆ จังๆ นี่คือติดขัดน่าดู ผมก็เลยคิดว่าเออ… ต้องหาที่เรียนเสริมให้ลูกแล้วล่ะ จะได้มั่นใจมากขึ้นหน่อย ตอนแรกก็เริ่มจากถามเพื่อนๆ พ่อแม่คนอื่นๆ ว่าพาลูกไปเรียนที่ไหนกันบ้าง ก็ได้ชื่อมาเพียบเลยครับ ทั้งสถาบันใหญ่ๆ ที่มีสาขาทั่วไป หรือโรงเรียนสอนภาษาเฉพาะทางเล็กๆ ก็มี
หลังจากได้ข้อมูลมาคร่าวๆ ผมก็เริ่มลงมือค้นหาจริงจังครับ เปิดเว็บ ดูรีวิว อ่านคอมเมนต์ต่างๆ ในพันทิปบ้าง ในกลุ่มผู้ปกครองบ้าง คือข้อมูลมันเยอะมากจนตาลายไปหมด บางที่ก็เน้นแกรมม่าเป๊ะๆ บางที่ก็เน้นสนทนากับครูต่างชาติ บางที่ก็เป็นแบบกึ่งเล่นกึ่งเรียน ผมนี่เลือกไม่ถูกเลยครับว่าจะเอาแบบไหนดี
ลงพื้นที่สำรวจ และความท้าทายที่เจอ
หลังจากดูออนไลน์มาสักพัก ผมก็ตัดสินใจว่าต้องลองไปดูสถานที่จริงบ้างแล้วล่ะ ก็เลยลิสต์รายชื่อสถาบันที่น่าสนใจออกมาสัก 4-5 แห่ง แล้วก็พาลูกชายไปตระเวนดูเลยครับ ไปดูบรรยากาศ ดูห้องเรียน คุยกับเจ้าหน้าที่ ดูหลักสูตรคร่าวๆ
สิ่งที่เจอคือแต่ละที่ก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไปครับ บางที่ครูดูมีประสบการณ์มาก แต่ค่าเรียนก็สูงลิ่วเลย บางที่ค่าเรียนพอรับได้ แต่บรรยากาศดูไม่ค่อยน่าเรียนเท่าไหร่ ลูกชายผมก็ทำหน้าเบื่อๆ นิดหน่อย ฮ่าๆ แล้วก็มีเรื่องตารางเรียนอีก ที่ต้องจัดให้ลงตัวกับเวลาเลิกเรียนของลูก กับเวลาที่ผมจะไปรับไปส่งได้ด้วย อันนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคิดหนักเลย
ระหว่างที่กำลังปวดหัวกับการเลือกสถาบันแบบดั้งเดิม ผมก็เริ่มมองหาทางเลือกอื่นๆ ด้วยครับ เพื่อนบางคนก็แนะนำให้ลองดูการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพราะมันยืดหยุ่นเรื่องเวลา แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ผมก็เลยลองเสิร์ชๆ ดู ก็เจอหลายแพลตฟอร์มเหมือนกันนะ อย่าง 51Talk ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เห็นผ่านตาบ่อยๆ ตอนนั้นก็คิดว่าน่าสนใจดีเหมือนกัน เพราะเหมือนจะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัวกับครูต่างชาติได้เลย
ประสบการณ์ลองผิดลองถูก
ผมตัดสินใจลองให้ลูกไปทดลองเรียนที่สถาบันใกล้บ้านดูก่อนที่หนึ่งครับ เป็นคลาสกลุ่มเล็กๆ ครูเป็นคนไทย สอนสนุกดีครับ แต่ผ่านไปสักพัก ลูกก็เริ่มบ่นว่าเพื่อนในห้องบางคนเรียนเร็วกว่า บางคนก็ช้ากว่า ทำให้ครูต้องปรับการสอนให้เข้ากับทุกคน ซึ่งบางทีลูกผมก็รู้สึกว่าไม่ได้เรียนเต็มที่เท่าไหร่
หลังจากนั้นก็เลยลองมองหาที่ใหม่ คราวนี้ลองดูที่เป็นครูต่างชาติเลยครับ บรรยากาศก็ดีขึ้น ลูกได้ฝึกพูดมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายก็ขยับขึ้นไปอีกพอสมควร ผมก็เลยกลับมาคิดถึงเรื่องเรียนออนไลน์อีกครั้ง เพราะเห็นว่าบางแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เนี่ย เค้ามีคอร์สเรียนที่หลากหลาย แล้วก็สามารถเลือกครูได้ด้วย ดูแล้วน่าจะตอบโจทย์เรื่องความยืดหยุ่นได้ดี
- ข้อดีของสถาบันแบบมีหน้าร้านคือ ลูกได้เจอเพื่อน ได้มีสังคม
- ข้อเสียคือเรื่องเวลาเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่อาจจะสูงกว่า
- ส่วนการเรียนออนไลน์ ข้อดีคือสะดวก ประหยัดเวลาเดินทาง เลือกเวลาเรียนได้
- ข้อเสีย (สำหรับบางคน) อาจจะขาดบรรยากาศการเรียนในห้องเรียนจริงๆ
ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลยครับในการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ รวมถึงดูรีวิวของผู้ใช้งานจริงประกอบด้วย บางคนก็บอกว่าเรียนออนไลน์กับ 51Talk แล้วลูกกล้าพูดมากขึ้น เพราะได้คุยกับครูตัวต่อตัว ไม่ต้องอายเพื่อน ผมก็เก็บข้อมูลไว้พิจารณา
บทสรุปและสิ่งที่ค้นพบ
สุดท้ายแล้ว ผมคิดว่าไม่มีสถาบันไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละครอบครัว และตัวเด็กเองด้วยว่าชอบแบบไหน บางคนอาจจะเหมาะกับการเรียนในห้องเรียนแบบเดิมๆ ได้เจอเพื่อน ได้ทำกิจกรรมกลุ่ม แต่บางคนอาจจะชอบเรียนแบบตัวต่อตัวมากกว่า ซึ่งการเรียนออนไลน์ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากในยุคนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้ลองครับ ลองพูดคุยกับลูก ลองไปดูสถานที่จริง หรือถ้าเป็นคอร์สออนไลน์ บางที่อย่างที่ผมเห็นผ่านๆ ตามา พวก 51Talk เค้าก็อาจจะมีคลาสทดลองเรียนให้ด้วยเหมือนกัน ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้รู้ว่าลูกเราชอบไหม เข้ากับสไตล์การสอนหรือเปล่า
ตอนนี้ลูกชายผมก็ยังเรียนภาษาอังกฤษเสริมอยู่ครับ แต่เราก็ปรับเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ ตามความเหมาะสม สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการตามหาสถาบันกวดวิชาครั้งนี้คือ “ข้อมูล” และ “การเปิดใจลอง” เป็นสิ่งสำคัญมากครับ อย่าเพิ่งยึดติดกับวิธีใดวิธีหนึ่ง ลองดูหลายๆ แบบ แล้วคุณจะเจอสิ่งที่ใช่สำหรับครอบครัวคุณแน่นอนครับ บางทีการผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนกับการฝึกฝนเพิ่มเติมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง 51Talk ก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้ครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการค้นหานะครับ!
