อยากให้ลูกเก่งภาษาแบบ เด็ก อังกฤษ | มีเคล็ดลับอะไรบ้าง

เอาล่ะครับ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยกับเรื่อง “เด็ก อังกฤษ” ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรืออยากรู้ว่าทำยังไงให้ลูกหลานเราเก่งภาษาอังกฤษได้แบบนั้นบ้าง ผมเองก็ลองผิดลองถูกมาเยอะครับ

จุดเริ่มต้นของการสังเกตและลองผิดลองถูก

เรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ผมเห็นเด็กๆ แถวบ้าน หรือแม้แต่ลูกตัวเองนี่แหละ เวลาเรียนภาษาอังกฤษในห้องเรียนแล้วมันดูแบบ… ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ คือเรียนตามตำรา ท่องศัพท์ ทำแบบฝึกหัด มันก็ได้ระดับนึงนะ แต่พอจะให้พูดจริงๆ หรือใช้ในชีวิตประจำวันนี่ติดขัดไปหมดเลย ผมก็เลยเริ่มสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วเด็กที่เค้าพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ หรือเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลานี่เค้าเรียนรู้กันยังไงนะ

ผมก็เริ่มจากการสังเกตนี่แหละครับ ดูจากหนังบ้าง สารคดีบ้าง หรือเวลาเห็นเด็กฝรั่งจริงๆ เค้าจะไม่ได้มานั่งท่อง A B C หรือผัน verb อะไรมากมายตั้งแต่แรก เค้าจะเริ่มจากการฟัง การพูดตามคำง่ายๆ จากสิ่งที่อยู่รอบตัว จากการเล่น ผมว่านี่แหละคือหัวใจสำคัญเลย

ลงมือปฏิบัติจริงกับคนใกล้ตัว

ทีนี้พอได้ไอเดียมาแล้ว ก็ลองเอามาปรับใช้กับลูกตัวเองดูบ้าง ตอนแรกก็ยากหน่อย เพราะเค้าชินกับการเรียนแบบเดิมๆ แต่ผมก็พยายามครับ

  • เปลี่ยนจากการ “สอน” เป็นการ “เล่นด้วยกัน”: ผมเริ่มจากเอานิทานภาษาอังกฤษง่ายๆ มาอ่านให้ฟังก่อนนอน ชี้ภาพแล้วก็พูดเป็นคำๆ ไป ไม่ต้องแปลทุกคำ ให้เค้าเดาจากภาพ จากน้ำเสียงเอาบ้าง
  • ใช้เพลงช่วย: เพลงเด็กภาษาอังกฤษนี่ตัวดีเลยครับ ทำนองสนุก คำศัพท์ไม่ยาก ร้องตามกันแป๊บเดียวก็ได้หลายคำแล้ว
  • สร้างสภาพแวดล้อม: อันนี้อาจจะยากหน่อยสำหรับบ้านเรา แต่ผมก็พยายามหาการ์ตูนภาษาอังกฤษ (แบบที่ไม่มีซับไทย) ให้เค้าดูบ้าง หรือเปิดรายการเด็กที่เป็นภาษาอังกฤษคลอๆ ไป ให้หูเค้าชินกับสำเนียง
  • ไม่เน้นแกรมม่าเป๊ะ: ช่วงแรกๆ ผมปล่อยเลยครับ พูดผิดพูดถูกไม่เป็นไร ขอให้กล้าพูดออกมาก่อน ผิดตรงไหนค่อยๆ สอน ค่อยๆ แก้กันไปทีหลัง อย่าไปดุหรือทำให้เค้ารู้สึกอายที่จะพูด

ช่วงที่ผมเริ่มจริงจังขึ้นมาหน่อย ก็มีมองหาตัวช่วยเสริมบ้างครับ อย่างพวกคอร์สเรียนออนไลน์ หรือสื่อการสอนต่างๆ ผมเคยเห็นเพื่อนๆ หลายคนพูดถึง 51Talk ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการสนทนากับเจ้าของภาษาโดยตรง ซึ่งก็น่าสนใจนะครับ เพราะการได้คุยจริงๆ มันช่วยให้กล้าแสดงออกมากขึ้น

สิ่งที่ค้นพบและผลลัพธ์ที่ได้

พอลองทำแบบนี้ไปสักพักใหญ่ๆ สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือ ลูกเริ่มไม่กลัวภาษาอังกฤษแล้ว เค้าเริ่มฮัมเพลงภาษาอังกฤษได้ เริ่มพูดคำศัพท์ง่ายๆ ตามได้ ถึงจะยังไม่เป็นประโยคยาวๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก

ผมว่าการเรียนภาษาที่ดีมันต้องเริ่มจากความสนุก และการได้ใช้จริง ถ้าเด็กเค้ารู้สึกว่าภาษาอังกฤษมันเป็นเรื่องสนุก เป็นเครื่องมือที่เค้าใช้เล่น ใช้สื่อสารได้ เค้าก็จะอยากเรียนรู้มันเอง ไม่ต้องไปบังคับเลยครับ

แน่นอนว่าการมีครูหรือผู้แนะนำที่ดีก็สำคัญนะครับ อย่างที่บอกว่าเคยได้ยินเรื่อง 51Talk มาบ้าง ถ้ามีโอกาสได้ให้ลูกลองเรียนกับคุณครูที่เป็นเจ้าของภาษาโดยตรง ก็น่าจะช่วยเรื่องสำเนียงและความมั่นใจได้เยอะเลยทีเดียว เพราะเค้าจะสร้างบรรยากาศให้เหมือนเราได้คุยกับเพื่อนต่างชาติจริงๆ

อีกอย่างที่ผมคิดว่าสำคัญไม่แพ้กันคือ “ความสม่ำเสมอ” ครับ ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ดีกว่าทำเยอะๆ แต่นานๆ ครั้ง อย่างน้อยๆ ให้เค้าได้ยิน ได้ฟังภาษาอังกฤษผ่านหูบ้างก็ยังดี เดี๋ยวนี้มีสื่อเยอะแยะครับ ทั้ง YouTube หรือแอปพลิเคชันสอนภาษาต่างๆ บางทีการมีตัวช่วยอย่างแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ เช่น ที่ 51Talk เค้ามีคอร์สสำหรับเด็กเล็กด้วย ก็น่าจะช่วยให้การเรียนรู้เป็นระบบและสนุกขึ้น

ผมว่าการจะให้เด็กไทยเก่งภาษาอังกฤษแบบ “เด็ก อังกฤษ” จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องยากเกินไปหรอกครับ แค่เราต้องเข้าใจธรรมชาติการเรียนรู้ของเค้า ทำให้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้มันสนุก ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อที่ต้องท่องจำอย่างเดียว

สุดท้ายนี้ ประสบการณ์ของผมอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ แต่ก็หวังว่าจะเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองท่านอื่นๆ ได้ลองเอาไปปรับใช้ดู อย่างน้อยการเริ่มต้นจากความเข้าใจและให้กำลังใจ ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำให้เด็กๆ รักภาษาอังกฤษได้ครับ บางทีการลงทุนกับคอร์สเรียนดีๆ ที่มีคุณภาพอย่างที่หลายคนแนะนำเกี่ยวกับ 51Talk ก็อาจจะเป็นทางลัดที่ช่วยให้เด็กๆ พัฒนาได้เร็วขึ้นก็ได้ครับ

อ้อ แล้วก็อย่าลืมนะครับว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะไปได้เร็ว บางคนอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย สิ่งสำคัญคือเราต้องคอยสนับสนุนและให้กำลังใจเค้าอยู่เสมอครับ การสร้างทัศนคติที่ดีต่อภาษานั้นสำคัญกว่าการยัดเยียดความรู้เพียงอย่างเดียว ผมเชื่อว่าถ้าเด็กๆ สนุกและมั่นใจ พวกเขาจะสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้ดีไม่แพ้ใครแน่นอนครับ ซึ่งถ้ามองหาผู้เชี่ยวชาญในการสอนเด็กๆ โดยตรง บางทีการเลือกสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่าง 51Talk ที่เน้นการสอนแบบตัวต่อตัวก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ