คำว่า “ช่าง” ในภาษาไทยมีความหมายหลากหลาย เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษจึงต้องพิจารณาบริบทประกอบเพื่อให้ได้ความหมายที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด โดยหลักๆ แล้ว “ช่าง” สามารถแปลได้ดังนี้:
1. “ช่าง” หมายถึง ผู้ประกอบอาชีพเฉพาะทาง (Technician, Craftsman, Specialist)
ในความหมายนี้ “ช่าง” มักจะตามด้วยคำที่ระบุประเภทของงานหรือทักษะเฉพาะด้าน ตัวอย่างเช่น:
- ช่างไม้: Carpenter
- ช่างไฟฟ้า: Electrician
- ช่างยนต์ / ช่างซ่อมรถ: Mechanic / Auto mechanic
- ช่างประปา: Plumber
- ช่างซ่อม (ทั่วไป): Repairman, Technician
- ช่างตัดผม: Barber (สำหรับผู้ชาย), Hairdresser / Hairstylist (สำหรับทั่วไปหรือผู้หญิง)
- ช่างเสริมสวย: Beautician, Cosmetologist
- ช่างภาพ: Photographer
- ช่างก่อสร้าง: Construction worker, Builder
- ช่างเชื่อม: Welder
- ช่างทาสี: Painter
- ช่างทำกุญแจ: Locksmith
- ช่างอัญมณี / ช่างทอง: Jeweler, Goldsmith
- ช่างฝีมือ: Craftsman, Artisan
โดยทั่วไป คำว่า “Technician” สามารถใช้ในความหมายกว้างๆ ของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเฉพาะด้านได้เช่นกัน เช่น Lab technician (ช่างเทคนิคห้องปฏิบัติการ)

2. “ช่าง” หมายถึง คำแสดงความรู้สึกหรือเน้นความ (So, Very, How, What a…)
ในความหมายนี้ “ช่าง” ทำหน้าที่คล้ายคำวิเศษณ์ (adverb) หรือคำอุทาน (interjection) เพื่อเน้นความรู้สึกหรือแสดงความประหลาดใจ มักใช้ในโครงสร้าง “ช่าง + คำคุณศัพท์/คำกริยา”
- ช่างสวยเหลือเกิน: So beautiful! / How beautiful!
- ช่างน่ารัก: So cute! / How lovely!
- ช่างโชคดีจริงๆ: So lucky! / How fortunate!
- ช่างกล้าพูด: How dare you say that!
- ช่างน่าสงสาร: So pitiful. / What a pity.
- ช่างใจร้าย: So cruel. / How mean.
ข้อสังเกต: รูปแบบ “What a…” มักใช้กับคำนาม เช่น “What a surprise!” (ช่างน่าประหลาดใจอะไรเช่นนี้!)
3. วลีที่ใช้บ่อย: “ช่างมันเถอะ” / “ช่างมัน”
วลีนี้มีความหมายว่า “ไม่เป็นไร”, “ปล่อยมันไป”, “อย่าไปใส่ใจ” ซึ่งตรงกับสำนวนภาษาอังกฤษว่า:
- Never mind.
- Let it be.
- Forget it.
- Don’t worry about it.
- It doesn’t matter.
การเลือกใช้คำแปลที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับบริบทของประโยคและความหมายที่ผู้พูดต้องการสื่อสาร การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้การใช้ภาษาอังกฤษมีความแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น