อยากเรียนต่อ ปริญญาตรี ภาษาอังกฤษ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่องการเรียนปริญญาตรีเอกภาษาอังกฤษของผมเอง คือตอนแรกเลยนะ ผมก็เหมือนหลายๆ คนนั่นแหละ คิดว่าเออ เรียนภาษาอังกฤษ จบมาก็พูดได้ปร๋อ ทำงานดีๆ เงินเดือนสูงๆ ภาพในหัวมันสวยหรูมาก

ช่วงเริ่มต้นตัดสินใจเลือกเรียน

ตอน ม.ปลาย ก็เป็นเด็กที่พอจะชอบวิชาภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายนะ แค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี เวลาดูหนังฝรั่งแล้วอยากจะฟังออกโดยไม่ต้องอ่านซับ เลยเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้ตัดสินใจว่า เอ้อ ลองดูสักตั้งกับเอกนี้แล้วกัน ตอนยื่นคะแนนก็ลุ้นๆ อยู่เหมือนกันนะว่าจะติดไหม พอประกาศผลว่าติดเท่านั้นแหละ ดีใจกระโดดตัวลอยเลย

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยปีแรกๆ

พอได้เข้ามาเรียนจริงๆ โอ้โห มันคนละเรื่องกับที่คิดไว้เลย ไม่ใช่แค่ท่องศัพท์ ไวยากรณ์ หรืออ่านบทความนะ แต่มันคือการต้องเข้าใจวัฒนธรรม ความคิด ของเจ้าของภาษาด้วย ปีแรกๆ นี่ยอมรับเลยว่าปรับตัวหนักมาก จากที่เคยเรียนแบบสบายๆ ตอนมัธยม มาเจอตำราเป็นเล่มๆ ศัพท์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไหนจะการออกเสียงที่ต้องเป๊ะอีก ผมก็เริ่มจากศูนย์เลยนะ พยายามตั้งใจฟังอาจารย์ในห้อง จดเลคเชอร์ให้ได้มากที่สุด กลับมาห้องก็ต้องทบทวนตลอด

อยากเรียนต่อ ปริญญาตรี ภาษาอังกฤษ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

วิชาที่เจอช่วงแรกๆ ก็จะมีพวกพื้นฐานเลย เช่น English Phonetics (สัทศาสตร์) ที่ต้องมานั่งฝึกออกเสียงแต่ละตัวให้ถูกต้อง English Grammar ที่ลงลึกกว่าที่เคยเรียนมาเยอะมาก แล้วก็มีพวก Reading กับ Writing ที่ต้องอ่านบทความยาวๆ แล้วก็เขียนเรียงความส่งอาจารย์ จำได้เลยว่าเขียนแก้แล้วแก้อีกเป็นสิบรอบกว่าจะผ่าน

จุดเปลี่ยนและช่วงเข้มข้น

พอขึ้นปีสองปีสามนี่แหละ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นมาบ้าง เริ่มจับทางได้ว่าควรจะเรียนยังไง วิชาต่างๆ ก็จะเริ่มเจาะลึกมากขึ้น มีทั้งวรรณคดีภาษาอังกฤษ (English Literature) ที่ต้องอ่านนิยาย บทกวีเยอะมาก ตอนแรกก็เบื่อๆ นะ แต่พอได้วิเคราะห์ตัวละคร เนื้อเรื่อง มันก็สนุกไปอีกแบบ แล้วก็มีวิชาการแปล (Translation) ที่ต้องฝึกแปลจากไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย อันนี้ก็ท้าทายความสามารถสุดๆ เลย

ช่วงนี้แหละที่ผมค้นพบว่าแค่เรียนในห้องมันไม่พอจริงๆ ผมเลยเริ่มหากิจกรรมทำเพิ่ม เช่น

  • ดูหนังฝรั่งแบบไม่เปิดซับไทยเลย ฟังอย่างเดียว พยายามจับใจความให้ได้
  • ฟังเพลงสากล แล้วก็หาเนื้อเพลงมาอ่านตาม พยายามทำความเข้าใจความหมาย
  • หาเพื่อนชาวต่างชาติเพื่อฝึกพูดคุยจริงๆ อันนี้ช่วยเรื่องความมั่นใจได้เยอะมาก
  • อ่านข่าวภาษาอังกฤษ บทความที่ตัวเองสนใจ มันทำให้เราได้ศัพท์ใหม่ๆ โดยไม่รู้ตัว

มันก็มีช่วงที่ท้อนะ แบบว่าเรียนไปทำไมวะ ยากก็ยาก แต่ก็ฮึดสู้ขึ้นมาได้ เพราะคิดถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนแรก

ช่วงท้ายๆ และการนำไปใช้จริง

พอมาถึงปีสี่ ทุกอย่างมันเหมือนตกผลึกแล้ว โปรเจกต์จบก็เป็นอะไรที่ท้าทายมาก ผมเลือกทำเกี่ยวกับการวิเคราะห์การใช้ภาษาในภาพยนตร์ มันต้องค้นคว้าเยอะมาก ต้องอ่านงานวิจัย ต้องดูหนังซ้ำไปซ้ำมา แต่พอทำเสร็จแล้วมันภูมิใจมากนะ

อยากเรียนต่อ ปริญญาตรี ภาษาอังกฤษ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

พอเรียนจบออกมาจริงๆ ถึงได้รู้ว่า ปริญญามันเหมือนใบเบิกทางนะ แต่มันไม่ใช่ทุกอย่าง สิ่งที่เราเรียนรู้มาทั้งหมด ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน มันคือทักษะที่เราต้องนำไปปรับใช้กับการทำงานจริงๆ ตอนไปสัมภาษณ์งานแรกๆ ก็มีตื่นเต้นบ้าง แต่ก็พยายามใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

สรุปแล้ว การเรียนปริญญาตรีภาษาอังกฤษสำหรับผม มันคือการเดินทางที่ยาวนาน ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และความสม่ำเสมออย่างมาก มันไม่ใช่แค่เรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญา แต่มันคือการเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ และที่สำคัญคือได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ใครที่กำลังคิดจะเรียน หรือกำลังเรียนอยู่ ผมอยากจะบอกว่า สู้ๆ นะครับ มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันคุ้มค่าแน่นอนครับ!