บอกต่อวิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองง่ายๆ ใครก็ทำได้

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแบบลูกทุ่งๆ ของผมเอง ไม่ได้มีหลักการอะไรเป๊ะๆ อาศัยลูกบ้ากับความอยากรู้ล้วนๆ

จุดเริ่มต้นและความมืดแปดด้าน

เมื่อก่อนเนี่ย ภาษาอังกฤษสำหรับผมมันคือยาขมหม้อใหญ่เลยครับ เห็นแล้วเวียนหัว เรียนมาตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังไม่ไปไหนสักที ฟังก็ไม่ออก พูดก็ไม่ได้ อ่านก็ตะกุกตะกัก คือเรียกว่าแทบจะศูนย์เลยก็ว่าได้ ตอนนั้นคิดในใจเลยว่า สงสัยชาตินี้คงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แน่ๆ แล้ว

แต่ก็นั่นแหละครับ ชีวิตมันก็มีจุดเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ ผมดันเป็นคนชอบดูหนังฝรั่งมาก แล้วก็พวกสารคดีต่างๆ ที่มันมีแต่ภาษาอังกฤษ ไอ้ครั้นจะรอแต่ซับไทยอย่างเดียว บางทีมันก็ไม่ทันใจ แล้วบางเรื่องซับมันก็แปลได้แบบ…เอ่อ…นะ บางทีก็อยากจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดจริงๆ แบบไม่ต้องผ่านตัวกรองอีกที

บอกต่อวิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองง่ายๆ ใครก็ทำได้

ลงมือทำแบบงูๆ ปลาๆ

เอาล่ะสิ! พอมีความอยากปุ๊บ ก็เริ่มเลยครับ ตอนแรกก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี จับต้นชนปลายไม่ถูก ก็ไปหาหนังสือแกรมมาร์พื้นฐานมาอ่าน โอ๊ย! อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด น่าเบื่อชะมัด อ่านได้สองสามหน้าก็วางแล้ว ไม่ใช่ทางของเราจริงๆ

ผมเลยเปลี่ยนวิธีใหม่ ลองไปหาพวกคลิปสอนภาษาอังกฤษในเน็ตดู ก็มีเยอะแยะเลยนะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะสอนแบบเป็นระบบระเบียบ ซึ่งผมมันพวกไม่ชอบอะไรที่เป็นทางการเท่าไหร่ ฟังๆ ไปก็หลับอีก ฮ่าๆๆๆ

จนกระทั่งผมมาค้นพบวิธีที่มันเวิร์คกับตัวเองมากๆ

วิธีของผม (ที่อาจจะไม่เหมือนใคร)

ผมเริ่มจากสิ่งที่ผมชอบก่อนเลย นั่นก็คือ การดูหนังและซีรีส์ฝรั่ง นี่แหละครับ

  • ช่วงแรก: ผมเปิดซับไตเติลภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วยครับ ฟังเสียงเขาพูด แล้วก็พยายามอ่านซับตามให้ทัน ศัพท์คำไหนที่ไม่รู้ ผมจะหยุดหนังไว้แล้วก็จดคำนั้นใส่สมุดเล็กๆ ที่พกติดตัวไว้ (สมุดธรรมดาๆ นี่แหละครับ ไม่ต้องหรูหรา) แล้วก็เปิดดิกชันนารีในมือถือดูความหมาย ตอนแรกๆ ก็จดกันมือหงิกเลยครับ ศัพท์ใหม่เต็มไปหมด
  • ฝึกฟังซ้ำๆ: ฉากไหนที่ชอบ หรือมีบทสนทนาที่น่าสนใจ ผมจะย้อนกลับไปดูซ้ำๆ พยายามฟังสำเนียงการพูดของเขา บางทีก็ลองพูดตามแบบงูๆ ปลาๆ ไปด้วย
  • ลองปิดซับ: พอเริ่มคุ้นหูมากขึ้น ผมก็เริ่มลองใจตัวเองด้วยการปิดซับไตเติลดูบ้าง โอ้โห…แรกๆ นี่เหมือนคนหูหนวกตาบอดเลยครับ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง จับใจความได้เป็นคำๆ แต่ก็ไม่ท้อนะ พยายามเดาจากบริบท จากสีหน้าท่าทางของตัวละครเอา
  • เพลงสากล: อีกอย่างที่ช่วยได้เยอะเลยคือเพลงสากลครับ ผมชอบฟังเพลงอยู่แล้ว ก็เลยไปหาเนื้อเพลงมาดูแล้วก็ร้องตามไปเรื่อย แรกๆ ก็ร้องมั่วๆ ถูกบ้างผิดบ้าง แต่พอร้องบ่อยๆ มันก็เริ่มจำศัพท์ จำสำนวนได้เอง

การจดบันทึกและนำไปใช้ (แบบบ้านๆ)

อย่างที่บอกครับ ผมจะมีสมุดเล่มเล็กๆ คอยจดคำศัพท์ วลี หรือประโยคที่เจอบ่อยๆ จากหนัง จากเพลง หรือจากบทความง่ายๆ ที่ลองอ่านดู ไม่ได้จดสวยงามอะไรนะครับ เอาแค่อ่านออกก็พอ แล้วผมก็จะพยายามเอาคำศัพท์พวกนั้นมาลองแต่งประโยคดูในหัว หรือบางทีก็พูดกับตัวเองหน้ากระจกครับ แรกๆ ก็เขินๆ หน่อยนะ เหมือนคนบ้าคุยคนเดียว แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันก็ชินไปเอง

บอกต่อวิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองง่ายๆ ใครก็ทำได้

มีช่วงนึงผมลองโหลดแอปเรียนภาษามาเล่นดูบ้างนะ ก็มีหลายแอปที่น่าสนใจ แต่เอาเข้าจริง ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่ คือมันดูเป็นทางการไปหน่อย ผมชอบแบบเรียนรู้จากสิ่งที่เจอในชีวิตประจำวันมากกว่า มันรู้สึกสนุกและไม่เหมือนถูกบังคับให้เรียน

ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็นผล

ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้เร่งรีบอะไร เน้นทำสม่ำเสมอทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย จากที่เคยฟังไม่ออกเลย ก็เริ่มจับใจความสำคัญได้มากขึ้น เริ่มดูหนังรู้เรื่องขึ้นโดยที่ไม่ต้องพึ่งซับไทยตลอดเวลา จากที่เคยอ่านบทความภาษาอังกฤษแล้วตาลาย ก็เริ่มอ่านได้คล่องขึ้น เข้าใจความหมายโดยรวมได้

มันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็เก่งขึ้นมาเลยนะครับ มันต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอจริงๆ มีท้อบ้างไหม? มีแน่นอนครับ บางทีรู้สึกว่าทำไมมันไม่พัฒนาเลยวะ แต่ก็พยายามฮึดสู้ บอกตัวเองว่ามาไกลขนาดนี้แล้ว จะถอยได้ยังไง

จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายนะครับ ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ก็ถือว่ามาไกลกว่าจุดเริ่มต้นมากๆ สามารถดูหนังฟังเพลงฝรั่งได้เข้าใจมากขึ้น อ่านข่าวสารหรือบทความภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องเปิดดิกทุกคำ ที่สำคัญคือ มันทำให้ผมรู้สึกว่าโลกมันกว้างขึ้นเยอะเลยครับ ได้เข้าถึงข้อมูลอะไรใหม่ๆ ที่เมื่อก่อนเราไม่เคยรู้

นี่ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะครับ อาจจะไม่ได้มีหลักการอะไรมากมาย แต่ก็หวังว่าจะเป็นไอเดียหรือเป็นกำลังใจให้ใครที่กำลังอยากจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้บ้างนะครับ ลองหาวิธีที่มันใช่สำหรับตัวเรา ทำแล้วสนุก แล้วก็ทำมันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เห็นผลเองครับ สู้ๆ!

บอกต่อวิธีเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองง่ายๆ ใครก็ทำได้