เรียน English for Business ที่ไหนดีให้เก่งจริง พร้อมใช้ติดต่อลูกค้า

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เรื่องการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ หรือที่เรียกกันเท่ๆ ว่า English for Business เนี่ยแหละครับ ไม่ได้จะมาสอนอะไรนะ แค่อยากเล่าให้ฟังว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังงมๆ อยู่เหมือนผมเมื่อก่อน

สมัยก่อนนู้นนน ผมก็คิดว่าภาษาอังกฤษที่เราเรียนๆ กันมาตั้งแต่เด็กมันก็น่าจะพอถูไถไปได้ในโลกการทำงานแหละน่า คำศัพท์ก็รู้ แกรมมาร์ก็พอได้ แต่พอเอาเข้าจริง โลกมันโหดร้ายกว่าที่คิดครับคุณ พอต้องไปประชุมกับฝรั่งจริงๆ จังๆ หรือต้องเขียนอีเมลตอบโต้แบบเป็นทางการหน่อย โอ้โห ไปไม่เป็นเลยครับ พูดก็ติดๆ ขัดๆ เรียบเรียงคำไม่ถูก ฟังก็ทันบ้างไม่ทันบ้าง จากที่เคยคิดว่าตัวเองพอได้ กลายเป็นไอ้ใบ้ไปเลยครับช่วงนั้น รู้สึกแย่กับตัวเองมาก

มันไม่ใช่แค่เรื่องคำศัพท์ยากๆ หรือสำเนียงที่เราไม่คุ้นนะ แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมการสื่อสารในเชิงธุรกิจด้วย การเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ การพูดจาให้ดูน่าเชื่อถือ การต่อรอง การนำเสนอ คือมันมีรายละเอียดเยอะกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยครับ ไม่ใช่แค่ “Hello, how are you?” แล้วจะจบ

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องจริงจัง

จุดเปลี่ยนจริงๆ ของผมน่าจะเป็นตอนที่พลาดโอกาสสำคัญในงานไป เพราะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม่ดีพอ ตอนนั้นเจ็บใจตัวเองสุดๆ ครับ รู้สึกว่าถ้าเราเก่งกว่านี้อีกนิด เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้ หลังจากวันนั้นก็เลยตั้งปณิธานกับตัวเองเลยว่า ไม่ได้การละ ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้ภาษาอังกฤษมาเป็นอุปสรรคในชีวิตการทำงานไม่ได้อีกต่อไป

แรกๆ ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อยครับ ซื้อหนังสือมาอ่านบ้าง ดูคลิปสอนฟรีตามเน็ตบ้าง มันก็ได้ความรู้ระดับนึงนะ แต่มันขาดการนำไปใช้จริง ขาดคนคอยแก้ คอยแนะนำ สุดท้ายก็เหมือนเรียนแล้วก็ลืมๆ ไป ไม่ได้พัฒนาขึ้นอย่างที่หวังไว้เท่าไหร่ ตอนนั้นก็เริ่มท้อๆ เหมือนกันนะ คิดว่าหรือเรามันหัวไม่ไปทางนี้จริงๆ วะ

จนกระทั่งมีเพื่อนร่วมงานคนนึง เขาเห็นผมพยายามเรียนด้วยตัวเองแล้วไม่ค่อยเวิร์ค เขาก็เลยแนะนำให้ลองหาคอร์สเรียนแบบจริงจังดู เขาบอกว่าการมีคนสอน มีคนให้ฝึกพูดด้วยมันช่วยได้เยอะ ผมก็เออ จริงของเขาแฮะ เลยเริ่มมองหาตัวเลือกต่างๆ ตอนนั้นก็ดูไว้หลายที่เลยครับ มีทั้งแบบสถาบันใหญ่ๆ หรือเรียนตัวต่อตัว แต่ด้วยตารางงานที่ไม่ค่อยแน่นอนของผม ทำให้การไปเรียนตามเวลาเป๊ะๆ มันค่อนข้างลำบาก ก็เลยมองหาการเรียนออนไลน์เป็นหลัก

ช่วงนั้นแหละครับที่ผมไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับ 51Talk เห็นว่าเขามีคลาสสอนสดตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ แล้วเวลาเรียนก็ค่อนข้างยืดหยุ่น เลยลองตัดสินใจสมัครดู ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนะ คิดว่าลองดูสักตั้ง ไม่ดีก็เลิก แต่ปรากฏว่ามันก็โอเคกว่าที่คิดแฮะ ครูเขาก็พยายามทำความเข้าใจว่าเราอยากเน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษ อย่างผมเน้นเรื่องการพูดในที่ประชุมกับการเขียนอีเมลธุรกิจ เขาก็จะหาเนื้อหาหรือสถานการณ์จำลองมาให้ฝึก

ผมว่าข้อดีของการเรียนแบบนี้คือมันได้พูดจริงๆ ไม่ใช่แค่นั่งฟังอย่างเดียว แล้วครูเขาก็จะคอยแก้การออกเสียง แก้แกรมมาร์ให้เราทันทีเลย แรกๆ ก็มีเขินๆ อายๆ บ้างแหละครับ พูดผิดพูดถูก แต่พอเรียนไปสักพักมันก็เริ่มชิน เริ่มกล้าพูดมากขึ้น จากที่เคยกลัวการพูดภาษาอังกฤษ ก็กลายเป็นสนุกกับการได้ลองใช้คำศัพท์ใหม่ๆ ที่เรียนมา

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรียนปุ๊บแล้วจะเก่งปั๊บนะครับ มันต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอมากๆ ผมเองก็มีช่วงที่ขี้เกียจบ้าง ท้อบ้าง แต่ก็พยายามฮึดสู้ เพราะนึกถึงวันที่เราพลาดโอกาสไปเพราะภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง มันก็เป็นแรงผลักดันให้กลับมาพยายามต่อได้ นอกจากคลาสเรียนแล้ว ผมก็พยายามหาโอกาสใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้นด้วย เช่น ดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษ อ่านบทความ หรือแม้แต่พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษเวลาอยู่คนเดียว มันช่วยได้เยอะเลยครับ

อีกอย่างที่ผมว่าสำคัญคือการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร อยากเอาไปใช้ทำอะไร พอมีเป้าหมายแล้วมันจะทำให้เรามีทิศทางในการเรียนมากขึ้น อย่างของ 51Talk เขาก็มีคอร์สเฉพาะทางสำหรับธุรกิจอยู่หลายแบบเหมือนกัน ทำให้เราเลือกเรียนในสิ่งที่ตรงกับความต้องการของเราได้ง่ายขึ้นหน่อย

หลังจากที่พยายามฝึกฝนตัวเองอยู่พักใหญ่ ทั้งจากการเรียนในคลาสกับ 51Talk และการฝึกฝนด้วยตัวเอง ผมก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนะ เวลาต้องประชุมกับต่างชาติ ผมกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น พูดได้คล่องขึ้น ฟังเข้าใจมากขึ้น อีเมลที่เคยเขียนแบบกระท่อนกระแท่นก็ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น มันทำให้ผมมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเยอะเลยครับ

ผลลัพธ์ที่ได้มันคุ้มค่าเหนื่อย

ถามว่าตอนนี้เก่งระดับเทพเลยไหม ก็คงยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ภาษาเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเทียบกับตัวผมเองในอดีต ผมว่าผมมาไกลพอสมควรเลย อย่างน้อยๆ ตอนนี้ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ในชีวิตการทำงานของผมอีกต่อไปแล้ว แถมยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ผมอีกเพียบเลยด้วย

ผมว่านะ ไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนด้วยวิธีไหน จะเรียนด้วยตัวเอง เรียนกับสถาบัน หรือเรียนออนไลน์แบบที่ผมเคยลองกับ 51Talk สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจจริงและความสม่ำเสมอ อย่าท้อถอยง่ายๆ หาแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เสมอ แล้ววันหนึ่งคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแน่นอนครับ มันอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินความพยายามของเราหรอกครับ สู้ๆ ครับทุกคน!