เอาล่ะครับเพื่อนๆ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเองเลย กับการพยายามจะอัปสกิลภาษาอังกฤษของตัวเองให้ครบเครื่องทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน คือเมื่อก่อนเนี่ย ผมก็งูๆ ปลาๆ ภาษาอังกฤษมาตลอดแหละครับ พออ่านได้บ้างนิดหน่อย ฟังก็พอจะจับใจความได้บ้างถ้าเขาพูดช้าๆ แต่เรื่องพูดกับเขียนนี่คือแทบจะเป็นศูนย์เลย
จุดเริ่มต้นมันมาจากงานที่ทำนี่แหละครับ มันเริ่มมีโปรเจกต์ที่ต้องติดต่อกับต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นคือลำบากมาก เวลาประชุมทีก็ได้แต่นั่งพยักหน้าหงึกๆ ฟังไม่ค่อยทัน จะพูดอะไรออกไปก็กลัวผิดแกรมมาร์ กลัวเขาไม่เข้าใจ คือมันอึดอัดมากจริงๆ ครับ เลยตัดสินใจว่าไม่ได้ละ ต้องจริงจังสักที
เริ่มสำรวจตัวเองและหาทางออก
ผมเริ่มจากการลองไปซื้อหนังสือแกรมมาร์มาอ่านเองก่อนเลยครับ อ่านไปได้ไม่กี่บทก็เริ่มท้อละ มันแห้งแล้งเหลือเกิน ไม่มีใครให้ถาม ไม่มีใครให้ฝึกด้วย แล้วก็ลองโหลดแอปฯ เรียนภาษามาเล่นๆ ดูบ้าง ก็พอได้คำศัพท์ใหม่ๆ นะครับ แต่เรื่องทักษะการสนทนามันก็ยังไม่ไปไหนอยู่ดี คือมันเหมือนขาดการโต้ตอบจริงๆ อ่ะครับ
ช่วงนั้นก็เลยเริ่มมองหาคอร์สเรียนจริงจัง ผมก็คิดว่าถ้าจะเรียนทั้งที ก็อยากได้ที่มันครบวงจรไปเลย คือสอนทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน ไม่ใช่เน้นแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง ตอนแรกก็ดูๆ พวกสถาบันสอนภาษาใกล้ๆ บ้านไว้บ้าง แต่เวลาไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ ทำงานเลิกก็เย็นแล้ว กว่าจะฝ่ารถติดไปเรียนอีก กลับถึงบ้านดึกดื่นพอดี
ค้นพบการเรียนออนไลน์และความยืดหยุ่น
ผมเลยเริ่มเบนเข็มมาดูคอร์สเรียนออนไลน์แทนครับ เพราะมันน่าจะตอบโจทย์เรื่องเวลาได้ดีกว่า อยากเรียนตอนไหนก็ได้ ตอนนั้นก็ดูๆ หลายที่นะ มีทั้งคอร์สแบบวิดีโออัดไว้ให้ดูย้อนหลัง กับแบบสอนสดออนไลน์ ผมเองเทใจไปทางสอนสดมากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะได้ผลกว่าถ้ามีคนคอยแนะนำจริงๆ
ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลยครับในการเปรียบเทียบแต่ละเจ้า ดูรีวิว อ่านคอมเมนต์ต่างๆ จนไปเจอว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ อย่าง 51Talk ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผมศึกษาดู เพราะเห็นว่าเขามีครูต่างชาติให้ฝึกพูดด้วยโดยตรง ซึ่งผมว่ามันสำคัญมากนะถ้าอยากจะพูดได้คล่องจริงๆ
ลงมือปฏิบัติจริงกับแต่ละทักษะ
พอตัดสินใจได้ว่าจะเรียนแนวทางไหนแล้ว (ซึ่งผมเลือกแบบผสมผสาน ทั้งเรียนกับครู และหาอะไรทำเสริมเอง) ก็เริ่มลงมือเลยครับ
การฟัง (Listening)
อันนี้ผมเริ่มจากการพยายามฟังอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษให้มากขึ้นครับ จากเมื่อก่อนดูหนังก็พากย์ไทยตลอด ก็เปลี่ยนมาดูแบบซาวด์แทร็ก เปิดซับอังกฤษช่วยบ้างในช่วงแรกๆ แล้วก็ฟังเพลงสากลมากขึ้น พยายามทำความเข้าใจเนื้อเพลง ดูพวกคลิปสั้นๆ ใน YouTube ที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือพวก Podcast ง่ายๆ ครับ แรกๆ ก็จับใจความไม่ค่อยได้หรอกครับ แต่พยายามฟังไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มชินหูขึ้นมาเอง
การพูด (Speaking)
นี่คือยาขมของผมเลยครับ ไม่กล้าพูด กลัวผิด! แต่พอได้เริ่มเรียนกับครูที่เป็นเจ้าของภาษาจริงๆ อย่างที่เคยดูไว้ว่าแพลตฟอร์มเช่น 51Talk มีครูให้ฝึกด้วย มันช่วยได้เยอะเลยครับ ครูเขาจะคอยแก้ไขให้เราตลอดเวลาที่เราพูดผิด ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะโดนหัวเราะ แรกๆ ก็ตะกุกตะกักน่าดูครับ แต่ครูเขาก็ใจเย็น พยายามชวนคุยในเรื่องที่เราสนใจ มันก็เลยทำให้เราอยากพูดมากขึ้น พยายามหาโอกาสพูดกับตัวเองหน้ากระจกบ้าง พูดคนเดียวเป็นภาษาอังกฤษบ้าง แรกๆ อาจจะดูบ้าๆ หน่อย แต่เชื่อผมเถอะ มันช่วยได้จริงๆ
การอ่าน (Reading)
จากที่ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรยาวๆ ก็เริ่มหาบทความสั้นๆ ที่เราสนใจมาอ่านก่อนครับ อาจจะเป็นข่าวภาษาอังกฤษง่ายๆ หรือเรื่องที่เราชอบ เช่น กีฬา เทคโนโลยี แล้วค่อยๆ ขยับไปอ่านอะไรที่ยาวขึ้น พก Dictionary ติดตัวไว้เลยครับ หรือเปิดในมือถือก็ได้ คำไหนไม่รู้ก็เปิดดูเลย อย่าปล่อยผ่าน แล้วก็พยายามจำศัพท์ใหม่ๆ ที่เจอด้วย
การเขียน (Writing)
เริ่มจากง่ายๆ ก่อนเลยครับ ลองเขียนไดอารี่สั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษทุกวัน เขียนประโยคง่ายๆ ก่อนก็ได้ครับ ไม่ต้องซับซ้อน พอเริ่มคล่องก็ลองเขียนอีเมลโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ (ถ้ามีโอกาส) หรือลองเขียนสรุปเรื่องที่เราอ่านมาเป็นภาษาอังกฤษดู การได้เรียนรู้โครงสร้างประโยคจากครู หรือจากแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ก็ช่วยให้การเขียนของเรามีหลักการมากขึ้น ไม่ได้เขียนสะเปะสะปะเหมือนเมื่อก่อน
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึกหลังการปฏิบัติ
หลังจากที่ผมพยายามฝึกฝนมาเรื่อยๆ แบบนี้อยู่หลายเดือน (แน่นอนว่ามีท้อบ้าง หยุดบ้าง แต่ก็พยายามดึงตัวเองกลับมา) ผมรู้สึกเลยว่าภาษาอังกฤษตัวเองดีขึ้นมากจริงๆ ครับ กล้าพูดมากขึ้น ฟังเข้าใจมากขึ้น อ่านได้คล่องขึ้น เขียนได้ดีขึ้น อาจจะยังไม่ถึงกับเป็น Native Speaker หรอกนะครับ แต่มันดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมากจริงๆ
เดี๋ยวนี้เวลาต้องคุยงานกับต่างชาติ ก็มั่นใจขึ้นเยอะเลยครับ สามารถสื่อสารได้รู้เรื่องมากขึ้น ไม่ต้องนั่งอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันเปิดโอกาสให้ผมเยอะมากเลยครับ ทั้งเรื่องงาน เรื่องการหาความรู้ใหม่ๆ จากแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษ
- ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญ: ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ดีกว่าทำเยอะๆ แต่นานๆ ที
- อย่ากลัวที่จะผิดพลาด: ผิดเป็นครูครับ ยิ่งพลาด ยิ่งได้เรียนรู้
- หาอะไรที่ตัวเองสนุก: การเรียนภาษาไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อเสมอไป หาหนัง เพลง หรือเรื่องที่เราชอบมาเป็นสื่อการเรียนรู้ได้
- หาคนฝึกด้วย: ถ้ามีเพื่อน หรือมีครูคอยฝึกด้วย มันจะไปได้เร็วกว่าเยอะครับ
ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังอยากจะพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่นะครับ มันอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่ถ้าเราตั้งใจจริงและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้อย่างแน่นอนครับ สู้ๆ ครับ!