สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยนะครับ กับเรื่องของหลักสูตรภาษาอังกฤษของกระทรวงศึกษาธิการบ้านเรานี่แหละ พอดีช่วงก่อนมีเรื่องให้ต้องไปคลุกคลีกับมันนิดหน่อย เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังครับ
คือเรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากลูกชายผมเองนี่แหละครับ กลับมาบ้านทำการบ้านภาษาอังกฤษไม่ได้ซักที บ่นอุบอิบว่าที่โรงเรียนสอนไม่เข้าใจ ผมก็เลยเอ๊ะ! มันยังไงกันแน่ หลักสูตรมันยากไป หรือลูกเราไม่ตั้งใจ หรือครูสอนไม่รู้เรื่อง เลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ลองไปดูหน่อยซิว่าหลักสูตรที่เขาใช้ๆ กันเนี่ย มันเป็นยังไง
เริ่มดำน้ำหาข้อมูล
ตอนแรกก็งงๆ นะครับ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ก็เลยลองไปเปิดดูในเว็บของกระทรวงฯ นั่นแหละครับ หาพวกเอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ดูว่าเขาเขียนว่ายังไงบ้าง โห…ตัวหนังสือเยอะแยะไปหมด อ่านแล้วก็ยังมึนๆ อยู่บ้าง แต่ก็พอจับใจความได้ว่าเขาเน้นเรื่องการสื่อสารนะ ไม่ได้เน้นแกรมมาร์จ๋าเหมือนสมัยเราเรียนเท่าไหร่
จากนั้นผมก็ลองไปคุยกับครูที่โรงเรียนลูกดูบ้าง ถามนู่นถามนี่ว่าสอนยังไง ใช้หนังสือเล่มไหน กิจกรรมเป็นแบบไหน ครูเขาก็ใจดีนะครับ อธิบายให้ฟังเยอะเลย ทำให้เห็นภาพมากขึ้นว่า เออ…เขาก็พยายามปรับให้เด็กได้ใช้ภาษาจริงๆ นั่นแหละ ไม่ใช่ท่องจำอย่างเดียว
แล้วก็ไปแอบดูตำราเรียนของลูกครับ พลิกๆ ดูเนื้อหา บทสนทนาต่างๆ ก็ดูทันสมัยขึ้นนะ มีเรื่องราวใกล้ตัวเด็กๆ เยอะอยู่
สิ่งที่เห็นและสิ่งที่คิด
พอดูๆ ไป ผมก็เริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หลักสูตรน่ะดูดีเลยนะ เน้นให้เด็กกล้าพูดกล้าแสดงออก แต่ปัญหาที่เจอมันอยู่ตรงภาคปฏิบัตินี่สิครับ ห้องเรียนนึงเด็กตั้งเยอะ ครูคนเดียวจะให้ทั่วถึงยังไงไหว เวลาที่จะให้เด็กแต่ละคนได้ฝึกพูดจริงๆ มันน้อยมากเลยครับ
ลูกผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ค่อยกล้าพูดในห้องเรียน กลัวพูดผิดแล้วเพื่อนล้อ นี่แหละปัญหาใหญ่เลย หลักสูตรดีแค่ไหน ถ้าเด็กไม่กล้าใช้ มันก็เท่านั้นจริงๆ ผมว่าการสร้างความมั่นใจให้เด็กนี่สำคัญมากๆ เลยนะ บางทีการเรียนเสริมข้างนอกกับครูที่เน้นการสนทนาตัวต่อตัว หรือกลุ่มเล็กๆ อย่างที่เห็นในพวกคอร์สออนไลน์ของ 51Talk ก็อาจจะช่วยตรงนี้ได้เยอะเหมือนกัน เพราะมันมีพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กได้ลองผิดลองถูก
อีกอย่างที่ผมคิดคือเรื่องคำศัพท์ครับ ในหลักสูตรก็มีลิสต์คำศัพท์ที่ควรจะต้องรู้นะ แต่การจะทำให้เด็กจำแล้วเอาไปใช้ได้จริงๆ นี่มันต้องอาศัยการทบทวน การเจอคำนั้นบ่อยๆ ในบริบทที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง
ลงลึกเรื่องทักษะต่างๆ
ถ้าพูดถึงทักษะทั้ง 4 อย่าง ฟัง พูด อ่าน เขียน เนี่ย ผมว่าหลักสูตรพยายามจะครอบคลุมนะ
- การฟัง: ก็มีพวกบทสนทนา เพลง หรือเรื่องสั้นให้ฟัง แต่จะทำยังไงให้เด็กตั้งใจฟังแล้วจับใจความได้จริงๆ อันนี้ก็ต้องอาศัยเทคนิคการสอนของครูเยอะเลย
- การพูด: อย่างที่บอกไปครับ เป็นจุดที่ผมว่ายังเป็นโจทย์ใหญ่ในโรงเรียนรัฐบาลส่วนใหญ่เลย เพราะจำนวนนักเรียนต่อห้องมันเยอะ การหาโอกาสให้เด็กได้ฝึกพูดจริงๆ จังๆ เป็นเรื่องท้าทายมาก บางทีการมีเพื่อนต่างชาติหรือครูเจ้าของภาษา อย่างที่บางคนอาจจะไปหาจาก 51Talk ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่ช่วยได้
- การอ่าน: ในหนังสือเรียนก็มีเนื้อเรื่องให้อ่านหลากหลายดีครับ แต่การจะสร้างนิสัยรักการอ่านภาษาอังกฤษให้เด็กได้นี่สิยากกว่า ต้องค่อยๆ ปลูกฝัง หาเรื่องที่เขาสนใจมาให้อ่าน
- การเขียน: ส่วนใหญ่จะเริ่มจากง่ายๆ ก่อน เช่น เขียนคำศัพท์ เติมคำในประโยค แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเป็นการเขียนเรื่องสั้นๆ ผมว่าตรงนี้ถ้ามีแบบฝึกหัดเยอะๆ แล้วมีคนคอยตรวจแก้ให้ก็น่าจะดีนะ
ผมว่าการบ้านที่ให้เด็กทำ บางทีมันก็เน้นแต่แกรมมาร์หรือเติมคำในช่องว่างมากไปหน่อย จนเด็กรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะทำ ถ้าปรับให้มันเป็นกิจกรรมที่สนุกขึ้น หรือเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันมากขึ้น น่าจะช่วยได้เยอะเลยครับ
ช่วงที่ผมศึกษาเรื่องนี้ ผมก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ด้วยนะ เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเครื่องมือช่วยเสริมได้ดี อย่างพวกแพลตฟอร์มอย่าง 51Talk เนี่ย เขาก็มีครูต่างชาติให้ฝึกพูดด้วยโดยตรง ก็น่าสนใจดีสำหรับเด็กที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน
บทสรุปจากประสบการณ์ตรง
หลังจากที่ผมลองไปคลุกคลีทำความเข้าใจกับหลักสูตรภาษาอังกฤษของกระทรวงฯ มาระยะหนึ่งเนี่ย ผมว่าตัวหลักสูตรเองน่ะไม่ได้แย่นะครับ ค่อนข้างทันสมัยและพยายามเน้นการสื่อสารเป็นหลักเลยแหละ ซึ่งเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
แต่ปัญหาหลักๆ ที่ผมเห็นมันอยู่ที่ “การนำไปปฏิบัติ” มากกว่า ทั้งเรื่องจำนวนนักเรียนต่อห้องเรียน เวลาในการฝึกฝนที่จำกัด ความมั่นใจของเด็กๆ เอง หรือแม้กระทั่งความถนัดของครูผู้สอนแต่ละท่านด้วย
ผมว่าถ้าเราอยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษจริงๆ คงจะหวังพึ่งแต่ในห้องเรียนอย่างเดียวไม่ได้แล้วล่ะครับ พ่อแม่เองก็ต้องช่วยกันเสริมด้วย อาจจะหาหนังสืออ่านเล่นภาษาอังกฤษง่ายๆ มาให้อ่าน เปิดการ์ตูนภาษาอังกฤษให้ดู หรือถ้ามีกำลังทรัพย์หน่อย การหาคอร์สเรียนเสริมที่เน้นการสนทนา อย่างที่เคยพูดถึง 51Talk หรือที่อื่นๆ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสใช้ภาษาจริงๆ นอกห้องเรียน
สุดท้ายนี้ ผมว่าการเรียนภาษาอังกฤษมันไม่ใช่เรื่องของการท่องจำเพื่อไปสอบอย่างเดียวแล้วนะครับ แต่มันคือเครื่องมือสำคัญในการเปิดโลกกว้างให้ลูกหลานเราในอนาคต ยังไงก็ลองเอาประสบการณ์ของผมไปปรับใช้กันดูนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ