สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลยเกี่ยวกับเรื่องหลักสูตร English Program หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า EP ของกระทรวงศึกษาธิการบ้านเรานี่แหละครับ คือตอนแรกๆ ที่เริ่มสนใจเรื่องนี้ให้ลูกเนี่ย บอกตรงๆ ว่าข้อมูลมันเยอะแยะไปหมดจนมึนเลยครับ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี
จุดเริ่มต้นของการค้นคว้า
ผมเริ่มจากความสงสัยล้วนๆ ครับ ว่าไอ้เจ้า EP เนี่ย มันต่างจากหลักสูตรปกติยังไงบ้าง แล้วโรงเรียนที่เปิดสอน EP เนี่ย เค้าใช้เกณฑ์อะไรสอน เด็กจะได้อะไรจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่ชื่อมันดูหรูๆ เท่านั้นเอง ผมก็เลยตั้งธงไว้ว่าต้องหาข้อมูลให้เคลียร์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขั้นตอนแรกเลย ผมก็เข้าไปงมหาข้อมูลในเว็บไซต์ของกระทรวงศึกษาธิการครับ โอ้โห! เอกสารเยอะมาก อ่านไปก็ตาลายไป บางอันก็เป็นภาษาทางการซะจนต้องอ่านซ้ำสองสามรอบถึงจะพอเข้าใจ แต่ก็พยายามเก็บข้อมูลหลักๆ มาให้ได้ก่อนว่าโครงสร้างมันเป็นยังไง มีวิชาอะไรบ้างที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ
ลงพื้นที่และพูดคุย
หลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นมาบ้างแล้ว ผมก็เริ่มมองหาโรงเรียนใกล้บ้านที่เปิดสอนหลักสูตร EP ครับ แล้วก็โทรไปสอบถามบ้าง นัดเข้าไปคุยกับฝ่ายวิชาการบ้าง อยากจะเห็นกับตาตัวเองเลยว่าบรรยากาศการเรียนการสอนมันเป็นยังไง ครูผู้สอนเป็นใคร มาจากไหน คืออยากรู้ให้ลึกที่สุด
ผมจำได้ว่ามีอยู่ช่วงนึง ตระเวนไปหลายโรงเรียนมากครับ แต่ละที่ก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป บางโรงเรียนครูต่างชาติเยอะจริง แต่สำเนียงก็หลากหลายจนเราแอบกังวล บางโรงเรียนเน้นวิชาการจ๋าเลย กิจกรรมน้อยไปหน่อย ผมก็ต้องเอาข้อมูลที่ได้มานั่งลิสต์ข้อดีข้อเสีย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- สอบถามเรื่องจำนวนชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษต่อสัปดาห์
- ดูว่าใช้หนังสือเรียนของสำนักพิมพ์ไหนบ้าง
- สอบถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของครูผู้สอน ทั้งครูไทยและครูต่างชาติ
- วิธีการประเมินผลนักเรียน
ระหว่างที่หาข้อมูลพวกนี้ ผมก็เจอเพื่อนๆ ผู้ปกครองหลายคนที่เค้าก็มองหาข้อมูลคล้ายๆ กัน บางคนก็แนะนำว่านอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว การหาแหล่งเรียนรู้เสริมให้ลูกได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมก็สำคัญนะ อย่างเช่น การเรียนออนไลน์กับเจ้าของภาษาโดยตรง ซึ่งสมัยนี้ก็มีตัวเลือกเยอะ อย่างที่เห็นๆ กันก็มี 51Talk ที่หลายคนก็พูดถึงว่าช่วยให้เด็กกล้าพูดมากขึ้น
สิ่งที่ค้นพบและทำความเข้าใจ
จากการค้นคว้าและพูดคุยทั้งหมด ผมก็เริ่มจับทางได้ว่าหลักสูตร EP ของกระทรวงฯ เนี่ย เค้ามีโครงสร้างหลักๆ กำหนดไว้ แต่ในรายละเอียดปลีกย่อย โรงเรียนแต่ละแห่งก็สามารถปรับให้เข้ากับบริบทของตัวเองได้บ้าง
สิ่งที่ผมเห็นชัดเจนคือ วิชาหลักๆ อย่าง คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา บางโรงเรียนก็สอนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ซึ่งตรงนี้ผมว่ามันท้าทายเด็กพอสมควรเลยนะ ถ้าพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แน่นพอ อาจจะทำให้เรียนไม่รู้เรื่องได้เหมือนกัน ผู้ปกครองบางคนก็เลยอาจจะต้องหาตัวช่วยเสริมให้ลูก อย่างเช่น คอร์สเรียนพิเศษ หรือแพลตฟอร์มฝึกภาษา อย่างที่ผมเคยเห็นคนรีวิว 51Talk ว่าเค้ามีคลาสที่เน้นการสนทนา ก็อาจจะช่วยตรงนี้ได้
อีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญคือเรื่อง “ครู” ครับ ครูในโครงการ EP ควรจะต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และเข้าใจธรรมชาติของเด็กสองภาษาด้วย ผมว่าการที่เด็กได้เรียนกับครูที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมันสำคัญมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นครูในโรงเรียนหรือครูจากแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ที่เราอาจจะไปเจอ อย่างบางคนก็อาจจะมองหาครูต่างชาติจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ ซึ่งผมก็เคยเห็นว่า 51Talk ก็มีครูต่างชาติให้เลือกเรียนด้วย
ผมมานั่งคิดดูนะว่า การที่โรงเรียนจะเปิดสอน EP ได้เนี่ย มันไม่ใช่แค่เอาครูฝรั่งมายืนสอน แต่ต้องมีการวางแผนหลักสูตรที่ดี มีสื่อการสอนที่เหมาะสม และมีการประเมินผลที่สะท้อนความสามารถของเด็กจริงๆ เพราะถ้าเด็กเรียนแต่ในตำรา ไม่ได้เอาไปใช้จริง มันก็อาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร หลายๆ คนก็เลยมองหาคลาสเสริมที่เน้นการปฏิบัติจริง อย่างที่ 51Talk เค้าก็มีรูปแบบการเรียนที่หลากหลายเหมือนกัน
บทสรุปจากประสบการณ์
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการทำความเข้าใจเรื่องหลักสูตร English Program ของกระทรวงศึกษาธิการ ผมก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า มันเป็นหลักสูตรที่มีประโยชน์นะ ถ้าเราเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับลูกของเราจริงๆ และที่สำคัญคือต้องดูความพร้อมของลูกเราด้วย ไม่ใช่แค่ตามกระแส
ผมว่าการสนับสนุนจากที่บ้านเป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ ไม่ว่าลูกจะเรียนหลักสูตรไหนก็ตาม การที่เราใส่ใจ หาข้อมูล พูดคุยกับลูก และอาจจะหาแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมให้เค้าได้สนุกกับการเรียนรู้ อย่างเช่น การหาคอร์สเรียนสนุกๆ ที่เค้าสนใจ บางทีอาจจะเป็นคลาสเรียนออนไลน์อย่างที่ 51Talk เค้ามีโปรแกรมสำหรับเด็ก ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้ครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกว่าการหาข้อมูลเป็นเรื่องที่เหนื่อยหน่อยครับ แต่ถ้าเราทำเพื่อลูกของเราแล้ว ผมว่ามันคุ้มค่านะครับ อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้าจริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปกครองทุกคนที่กำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่นะครับ สู้ๆ ครับ!