การพัฒนาทักษะทางภาษาของเด็กเป็นรากฐานสำคัญในการเรียนรู้และการสื่อสาร ผู้ปกครองและผู้ดูแลมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมพัฒนาการด้านนี้
สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้
สร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภาษา: พูดคุยกับเด็กบ่อยๆ เล่าเรื่องราวที่พบเจอในแต่ละวัน อธิบายสิ่งต่างๆ รอบตัว การได้ยินภาษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เด็กซึมซับคำศัพท์และโครงสร้างประโยค
ตอบสนองต่อการสื่อสารของเด็ก: ไม่ว่าเด็กจะพูดเป็นคำหรือแค่ส่งเสียงอ้อแอ้ การตอบสนองอย่างใส่ใจจะกระตุ้นให้เด็กอยากสื่อสารมากขึ้น

ใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน
สอดแทรกภาษาในกิจกรรมต่างๆ: ขณะทำกิจกรรมประจำวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว ให้พูดถึงสิ่งที่กำลังทำ อธิบายขั้นตอน หรือตั้งคำถามง่ายๆ เช่น “เราจะใส่เสื้อสีอะไรดีนะ?”
ขยายคำพูดของเด็ก: หากเด็กพูดว่า “นม” ผู้ใหญ่สามารถขยายเป็น “หนูอยากดื่มนมใช่ไหมคะ” หรือ “นมอร่อยจังเลย” เพื่อเพิ่มคำศัพท์และรูปแบบประโยคที่ซับซ้อนขึ้น
อ่านหนังสือให้ฟัง
อ่านหนังสือให้ฟังเป็นประจำ: การอ่านหนังสือภาพที่มีสีสันสวยงามและเนื้อเรื่องน่าสนใจจะช่วยให้เด็กคุ้นเคยกับภาษาเขียน เพิ่มคลังคำศัพท์ และกระตุ้นจินตนาการ
ทำให้การอ่านเป็นเรื่องสนุก: ชี้ชวนให้ดูภาพ ตั้งคำถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง หรือให้เด็กช่วยพลิกหน้าหนังสือ สร้างประสบการณ์การอ่านร่วมกันที่ดี
เล่นเกมและกิจกรรมทางภาษา
ใช้เพลงและคำคล้องจอง: เพลงเด็กและคำคล้องจองช่วยให้เด็กเรียนรู้จังหวะของภาษาและจดจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น

- เล่นบทบาทสมมติ: การเล่นขายของ เล่นเป็นหมอ หรือเล่นเป็นครู เปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ภาษาในสถานการณ์ต่างๆ
- เกมทายคำศัพท์: เช่น ทายภาพ ทายเสียง หรือเกมบัตรคำ
เป็นผู้ฟังที่ดีและให้กำลังใจ
ตั้งใจฟังเมื่อเด็กพูด: สบตาและให้เวลาเด็กในการเรียบเรียงคำพูด แสดงความสนใจในสิ่งที่เด็กต้องการสื่อสาร
ให้คำชมและกำลังใจ: ชื่นชมความพยายามในการสื่อสารของเด็ก แม้จะยังพูดไม่ชัดเจนหรือใช้คำศัพท์ผิดบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจ
ความอดทนและความสม่ำเสมอ
เข้าใจว่าพัฒนาการทางภาษาของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน: เด็กแต่ละคนมีจังหวะการเรียนรู้เป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอในการมอบประสบการณ์ทางภาษาที่ดี
การสอนภาษาให้เด็กไม่ใช่เรื่องของการบังคับ แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น สนุกสนาน และเต็มไปด้วยโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน