สอนภาษาอังกฤษให้ลูกเล็ก เริ่มยังไงดี | วิธีง่ายๆ ทำตามได้เลย

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์สอนภาษาอังกฤษให้ลูกที่บ้านครับ แบบบ้านๆ เลย ไม่ได้มีหลักการอะไรเป๊ะๆ อาศัยลองผิดลองถูกล้วนๆ ครับ

จุดเริ่มต้นและความวุ่นวาย

ตอนลูกเริ่มโตหน่อย ก็คิดแล้วว่าเออ… ภาษาอังกฤษนี่สำคัญนะ เลยเริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยครับ ซื้อหนังสือภาพคำศัพท์ ABC มาชี้ๆ อ่านๆ ให้ฟัง ลูกก็มองบ้างไม่มองบ้าง เล่นของเล่นไปพลาง ผมก็เอ้อ… ไม่เป็นไร ค่อยๆ ซึมซับไป แต่พอเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย อยากให้เริ่มพูดได้บ้าง ก็เริ่มหาการ์ตูนเด็กสองภาษามาเปิดให้ดู ปรากฏว่าลูกก็ดูแต่ภาพครับ ไม่ได้สนใจฟังเสียงอังกฤษเท่าไหร่เลย ฮ่าๆๆ บางทีก็เปิดเพลงเด็กภาษาอังกฤษคลอๆ ไปตอนเล่น ก็เหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปซะงั้น

ช่วงนั้นก็ยอมรับเลยว่าท้อเหมือนกันนะ คือเราก็อยากให้ลูกได้ แต่เหมือนลูกยังไม่พร้อม หรือเราสอนไม่สนุกก็ไม่รู้ พยายามหาพวกแฟลชการ์ดมาเล่นด้วย ก็เล่นได้แป๊บๆ ลูกก็เบื่อแล้วครับ หนีไปเล่นอย่างอื่นเฉยเลย

ลองหาตัวช่วยและแนวทางใหม่

พอรู้สึกว่าวิธีเดิมๆ มันไม่ค่อยเวิร์ค ก็เลยเริ่มมองหาตัวช่วยครับ ตอนแรกก็ดูพวกโรงเรียนสอนภาษาเด็กเล็กแถวบ้าน แต่ก็คิดว่าเอ๊ะ… ลูกเรายังเล็กอยู่เลย จะไปนั่งเรียนเป็นเรื่องเป็นราวไหวเหรอ แล้วค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ เลยลองหาข้อมูลในเน็ตดู ก็เจอเยอะแยะไปหมด ทั้งคอร์สออนไลน์ ทั้งแอปพลิเคชันสอนภาษา คือตาลายเลยครับ

ผมก็ลองดูรีวิวไปเรื่อยๆ นะครับ บางคนก็บอกว่าเรียนกับเจ้าของภาษาดี บางคนก็บอกว่าเริ่มจากครูไทยก่อนก็ได้จะได้ไม่งง คือข้อมูลมันเยอะจนเราก็สับสนเหมือนกันว่าจะเอาไงดี ตอนนั้นก็มีดูๆ พวกแพลตฟอร์มสอนสดออนไลน์ไว้บ้างเหมือนกันครับ อย่างพวก 51Talk ก็เห็นผ่านๆ ตามาบ้าง เพราะเค้าก็มีครูต่างชาติเยอะดี แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรจริงจัง

ผมเลยเปลี่ยนแนวทางใหม่ครับ คิดว่าแทนที่จะไปบังคับให้ลูก “เรียน” ลองเปลี่ยนเป็น “เล่น” กับภาษาอังกฤษแทนดีกว่า เริ่มจากอะไรง่ายๆ ที่ลูกชอบก่อน

ปฏิบัติการ “เล่นกับภาษา”

ผมเริ่มสังเกตว่าลูกชอบดูการ์ตูนบางเรื่องมากเป็นพิเศษ ก็เลยลองหาเวอร์ชันภาษาอังกฤษมาเปิดให้ดูครับ แล้วเราก็นั่งดูไปกับเค้าด้วย ชี้ชวนคุยเป็นภาษาไทยก่อนก็ได้ว่า “ดูสิ ตัวนั้นกำลังทำอะไร” แล้วค่อยๆ แทรกคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ เข้าไป เช่น “Wow, a big dog!” อะไรแบบนี้ครับ

แล้วก็มีอีกวิธีที่ได้ผลคือการร้องเพลงครับ เพลงเด็กภาษาอังกฤษสนุกๆ นี่ช่วยได้เยอะเลย ผมก็เปิดแล้วก็เต้นๆ ร้องๆ ไปกับลูก ถึงจะร้องมั่วๆ ถูกๆ ผิดๆ ก็ไม่เป็นไรครับ เน้นสนุกไว้ก่อน ลูกก็จะหัวเราะคิกคักแล้วก็พยายามร้องตาม

  • เปลี่ยนนิทานก่อนนอน: จากนิทานภาษาไทยอย่างเดียว ก็เริ่มมีนิทานภาษาอังกฤษภาพสวยๆ มาอ่านให้ฟังบ้าง อ่านแบบเน้นเสียงสูงต่ำ ทำเสียงตัวละคร ลูกจะชอบมาก
  • เล่นเกมทายคำศัพท์: เอาของเล่น หรือของใช้ในบ้านมาชี้แล้วก็พูดชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ให้ลูกลองทาย หรือพูดตาม
  • ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน: อันนี้สำคัญมากครับ คือพยายามแทรกคำง่ายๆ เข้าไปในบทสนทนา เช่น “Good morning”, “Thank you”, “Let’s go!” หรือเวลาทานข้าวก็บอก “Eat your rice.” อะไรทำนองนี้ครับ แรกๆ ลูกก็งงๆ แต่พอเราทำบ่อยๆ เค้าก็เริ่มชินแล้วก็เข้าใจไปเอง

ช่วงที่ลองผิดลองถูกนี่แหละครับ ที่ผมเริ่มเห็นว่าการมีตัวช่วยแบบเป็นเรื่องเป็นราวก็อาจจะดีเหมือนกันนะ คือเราสอนเองมันก็ได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามีคนที่มีประสบการณ์สอนเด็กโดยตรง หรือมีหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเลย ก็น่าจะช่วยให้ลูกไปได้เร็วขึ้น ตอนนั้นก็กลับไปดูข้อมูลพวกคอร์สเรียนออนไลน์อีกรอบ พวก 51Talk หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็มีทดลองเรียนฟรีบ้าง ผมก็คิดว่าเออ… ก็น่าสนใจดีนะ ได้ลองดูก่อนว่าลูกชอบไหม

ผลลัพธ์และความต่อเนื่อง

หลังจากที่พยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับภาษาอังกฤษมากขึ้น ลูกก็เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นครับ เริ่มจากจำคำศัพท์ได้มากขึ้น เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้บ้างแล้วก็ค่อยๆ พูดเป็นวลีสั้นๆ ได้ เวลาเห็นอะไรก็จะพยายามนึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาบอกเรา ถึงจะยังพูดไม่ชัด พูดผิดพูดถูก แต่ผมก็ดีใจแล้วครับที่เค้ากล้าที่จะพูด

ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอครับ ไม่ต้องหักโหม ไม่ต้องคาดหวังว่าลูกจะต้องเก่งปุ๊บปั๊บทันที ค่อยๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย ทำให้เป็นเรื่องสนุก แล้วลูกจะค่อยๆ ซึมซับไปเองครับ การหาคอร์สเรียนเสริมอย่างที่ดูๆ ไว้พวก 51Talk ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีนะครับ ถ้าเราไม่มีเวลาสอนเอง หรืออยากให้ลูกได้เรียนกับคุณครูที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง

ตอนนี้ลูกผมก็ยังไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรมากมายนะครับ แต่เค้าก็ไม่กลัวภาษาอังกฤษแล้ว กล้าที่จะฟัง กล้าที่จะพูดบ้างตามประสาเด็ก ซึ่งผมว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ แล้วครับ สำหรับพ่อแม่ที่กำลังสอนภาษาอังกฤษให้ลูกอยู่ ผมว่าลองหาแนวทางที่เหมาะกับลูกเราที่สุดดูครับ บางทีการเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง 51Talk ก็อาจจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้การเรียนภาษาของลูกสนุกขึ้นก็ได้นะครับ ลองเปิดใจแล้วก็ค่อยๆ สอนเค้าไปครับ

สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าการสอนภาษาให้ลูกมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ แต่ละบ้านก็มีวิธีที่แตกต่างกันไป สำคัญคือความรัก ความเข้าใจ และความอดทนของเรานี่แหละครับ ที่จะช่วยให้ลูกค่อยๆ เรียนรู้และพัฒนาไปได้ สู้ๆ ครับทุกคน!