การเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษใหม่หรือต้องการพัฒนาทักษะที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเป็นสิ่งที่ทำได้เสมอ ไม่ว่าพื้นฐานเดิมของคุณจะอยู่ในระดับใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือการมีทัศนคติที่ถูกต้องและแผนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (Set Clear Goals)
ก่อนเริ่มต้น ควรถามตัวเองว่า “ทำไมถึงอยากเรียนภาษาอังกฤษใหม่” และ “อยากใช้ภาษาอังกฤษทำอะไรได้บ้าง” การมีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น เพื่อการทำงาน เพื่อการเดินทาง หรือเพื่อความบันเทิง จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจและเลือกวิธีการเรียนที่เหมาะสม
- เป้าหมายระยะสั้น (Short-term goals): เช่น เรียนคำศัพท์ใหม่ 20 คำต่อสัปดาห์, ดูซีรีส์ภาษาอังกฤษพร้อมซับไตเติล 1 ตอนต่อวัน
- เป้าหมายระยะยาว (Long-term goals): เช่น สามารถสนทนาในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่วภายใน 6 เดือน, สอบวัดระดับภาษาอังกฤษได้คะแนนตามที่ตั้งไว้
ทบทวนพื้นฐานและสร้างความเข้าใจ (Review Basics and Build Understanding)
หากเคยเรียนมาบ้างแล้ว การทบทวนไวยากรณ์พื้นฐาน (Basic Grammar) คำศัพท์ที่ใช้บ่อย (Common Vocabulary) และโครงสร้างประโยค (Sentence Structure) เป็นสิ่งจำเป็น อย่ามองข้ามความสำคัญของรากฐานที่แข็งแรง

- ไวยากรณ์ (Grammar): เน้นเรื่อง Tenses, Parts of Speech, Subject-Verb Agreement ที่สำคัญ
- คำศัพท์ (Vocabulary): เริ่มจากคำศัพท์ในชีวิตประจำวัน และหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของคุณ
- การออกเสียง (Pronunciation): ฝึกฟังและออกเสียงให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อการสื่อสารที่ชัดเจน
สร้างความสม่ำเสมอในการเรียนรู้ (Cultivate Consistency)
การเรียนภาษาที่ดีที่สุดคือการเรียนอย่างสม่ำเสมอ แม้จะวันละเล็กน้อยก็ยังดีกว่าการเรียนหนักเป็นครั้งคราว กำหนดตารางเวลาสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์
- จัดสรรเวลา: กำหนดเวลาที่แน่นอนในแต่ละวัน เช่น 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงสำหรับการทบทวนหรือเรียนรู้สิ่งใหม่
- ทำให้เป็นนิสัย: ผูกการเรียนภาษาอังกฤษเข้ากับกิจกรรมประจำวัน เช่น เรียนคำศัพท์ระหว่างเดินทาง ฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษขณะทำงานบ้าน
ดื่มด่ำกับภาษา (Immerse Yourself in the Language)
พยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้เป็นภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้:
- สื่อบันเทิง (Entertainment): ดูหนัง ฟังเพลง พอดแคสต์ หรือรายการทีวีเป็นภาษาอังกฤษ อาจเริ่มจากมีซับไตเติลไทย แล้วเปลี่ยนเป็นซับไตเติลอังกฤษ หรือไม่มีซับไตเติลเลยเมื่อพร้อม
- การอ่าน (Reading): อ่านบทความ ข่าวสาร หนังสือ หรือการ์ตูนภาษาอังกฤษที่สนใจ โดยเริ่มจากเนื้อหาที่เข้าใจง่าย
- การตั้งค่าอุปกรณ์ (Device Settings): เปลี่ยนภาษาในโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เป็นภาษาอังกฤษ
ใช้แหล่งข้อมูลและเครื่องมือที่หลากหลาย (Utilize Various Resources and Tools)
ปัจจุบันมีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยในการเรียนภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ:
- แอปพลิเคชันเรียนภาษา: มีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยฝึกคำศัพท์ ไวยากรณ์ การฟัง และการพูด
- เว็บไซต์เรียนภาษา: หลายเว็บไซต์มีบทเรียน แบบฝึกหัด และเกมภาษาฟรีและมีคุณภาพ
- ครูสอนพิเศษหรือคอร์สเรียน: หากต้องการคำแนะนำและการฝึกฝนที่เป็นระบบและมีโครงสร้าง
- กลุ่มแลกเปลี่ยนภาษา (Language Exchange): หาเพื่อนชาวต่างชาติหรือคนไทยที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษเช่นกันเพื่อฝึกการสนทนาจริง
ฝึกฝนทักษะทั้งสี่อย่างสมดุล (Practice All Four Skills Proportionally)
อย่าเน้นเพียงทักษะใดทักษะหนึ่ง แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน อย่างสมดุล
- การฟัง (Listening): ฝึกจากการฟังเจ้าของภาษาในหลากหลายสำเนียงและสถานการณ์จริง
- การพูด (Speaking): หาโอกาสในการพูด แม้จะเริ่มจากพูดกับตัวเอง อัดเสียงตัวเอง หรือพูดกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน
- การอ่าน (Reading): เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ที่สนใจ แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความยากและความซับซ้อนของเนื้อหา
- การเขียน (Writing): ลองเขียนบันทึกสั้นๆ อีเมล หรือแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อที่คุ้นเคย
อดทนและอย่าท้อถอย (Be Patient and Persistent)
การเรียนภาษาต้องใช้เวลาและความพยายาม อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น เฉลิมฉลองความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตนเอง และเรียนรู้จากข้อผิดพลาด การเริ่มต้นใหม่คือโอกาสในการสร้างเส้นทางการเรียนรู้ที่ดีและยั่งยืนกว่าเดิม
