คำว่า ท้องเสีย ภาษาอังกฤษ สะกดและออกเสียงยังไงให้ถูก

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลย คือเรื่องมันมีอยู่ว่าผมดันต้องไปหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษคำนึงแบบปัจจุบันทันด่วนมากๆ นั่นก็คือคำว่า “ท้องเสีย” นี่แหละครับ

จุดเริ่มต้นของการค้นหา

เรื่องของเรื่องคือ มีเพื่อนชาวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย แล้วเราก็เป็นเจ้าบ้านที่ดี พาไปตะลอนกินของอร่อยๆ เพลินเลยครับ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ เพื่อนผมเกิดอาการหน้าซีดหน้าเซียว วิ่งเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่น ตอนนั้นผมก็ตกใจนะ ถามว่าเป็นอะไร เพื่อนก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความที่เราก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น แถมศัพท์เฉพาะทางแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย จับใจความได้ลางๆ ว่าปวดท้อง แต่ไม่รู้ว่ามันร้ายแรงระดับไหน

ตอนนั้นคือแบบ… อึดอัดมาก อยากจะช่วย อยากจะถามให้เคลียร์ว่าอาการเป็นยังไง จะได้หายาให้ถูก หรือพาไปหาหมอได้ถูกเรื่อง แต่มันติดตรงกำแพงภาษานี่แหละครับ สุดท้ายก็ได้แต่เดาๆ แล้วก็ให้ยาธาตุน้ำขาวไปก่อน

คำว่า ท้องเสีย ภาษาอังกฤษ สะกดและออกเสียงยังไงให้ถูก

ลงมือค้นคว้าหาคำศัพท์

พอกลับมาถึงบ้านวันนั้น ผมก็เลยมานั่งคิดเลยว่า ไม่ได้การละ เราต้องรู้ศัพท์พวกนี้ไว้บ้าง เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินอีกจะได้สื่อสารกันรู้เรื่อง ผมก็เริ่มจากง่ายๆ เลยครับ เปิดกูเกิลเลย พิมพ์ว่า “ท้องเสีย ภาษาอังกฤษ” ผลลัพธ์ก็ออกมาเพียบเลย

คำแรกที่เจอเลยก็คือ diarrhea (อ่านว่า ได-อะ-เรีย) คำนี้ดูเป็นทางการหน่อย เหมาะกับการใช้คุยกับหมอ หรือในสถานการณ์ที่ต้องการความสุภาพ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ผมไปเจออีกคำนึงที่ดูเป็นภาษาพูดมากกว่า

  • The runs (อันนี้ต้องมี s ด้วยนะ อ่านว่า เดอะ รันส์) คำนี้แหละครับที่ผมว่ามันดูเป็นกันเองดี

ตอนแรกก็งงๆ นะว่า “the runs” มันจะแปลว่าท้องเสียได้ยังไง มันดูไม่เกี่ยวกันเลย แต่พอไปอ่านคำอธิบาย เออ มันเป็นสำนวนที่เขาใช้กันจริงๆ แฮะ อารมณ์เหมือนภาษาไทยที่เราก็มีคำเปรียบเปรยหลายๆ แบบ

ตัวอย่างการใช้งานจริง

ในเว็บที่ผมไปเจอมา เขามีตัวอย่างประโยคให้ดูด้วยนะ ทำให้เห็นภาพเลยว่าใช้ยังไง เช่น ถ้าเกิดปวดท้องหนักๆ แบบไม่ไหวแล้ว อยากจะบอกให้คนหลีกทาง ก็อาจจะพูดว่า:

“Move! I have the runs.” (ประมาณว่า หลบหน่อย! ฉันท้องเสียหนักมาก / เขื่อนจะแตกแล้ว!)

คำว่า ท้องเสีย ภาษาอังกฤษ สะกดและออกเสียงยังไงให้ถูก

เห็นไหมครับ มันดูเป็นภาษาพูดที่ค่อนข้างจะเร่งด่วนและไม่เป็นทางการเท่าไหร่ แต่ในสถานการณ์จริง ผมว่ามันสื่อสารได้ตรงจุดและเข้าใจง่ายดีนะ

บทสรุปและข้อคิดที่ได้

สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์ครั้งนั้นก็สอนให้ผมรู้ว่า การเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันมันสำคัญจริงๆ นะครับ ไม่ใช่แค่ศัพท์สวยหรูดูดี แต่ศัพท์บ้านๆ เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยนี่แหละที่บางทีมันจำเป็นมากๆ อย่างน้อยก็รู้ไว้ประดับตัว เวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราจะได้ไม่อ้ำๆ อึ้งๆ สื่อสารกันไม่รู้เรื่องเหมือนผมในวันนั้น

หวังว่าเรื่องที่ผมเอามาแชร์วันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนบ้างนะครับ เผื่อใครเจอสถานการณ์คล้ายๆ กันจะได้นึกคำศัพท์พวกนี้ออก วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ