พูดถึงหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเนี่ยนะ เอาจริง ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมากนักหรอก คิดในใจว่ามันก็คงเหมือน ๆ กันทุกเล่มนั่นแหละ เปิดมาก็เจอแกรมม่า ศัพท์ยาก ๆ แล้วก็บทสนทนาที่ดูไม่เหมือนคนปกติเขาคุยกัน
แต่พอดีช่วงนั้นมันมีเหตุให้ต้องจริงจังกับภาษาอังกฤษหน่อย เลยไปสอยมาเล่มนึง กะว่าเออ ลองดูซักตั้งวะ! เปิดหน้าแรก ๆ ก็ดูดีนะ รูปภาพสีสันสดใสเชียว เนื้อหาก็พยายามจะทำให้มันดูน่าสนใจ ตอนนั้นก็คิดในแง่ดี “เออ เล่มนี้อาจจะเวิร์คก็ได้”
พอนั่งลงเปิดอ่านจริงจังเท่านั้นแหละ โอ้โห…อาการเดิมเริ่มมา ศัพท์บางคำนี่มันอะไรของมันวะ ต้องเปิดดิกชันนารีควบคู่ไปด้วยตลอด ไวยากรณ์บางเรื่องอธิบายซะวนไปวนมา อ่านจบแล้วก็ยังเกาหัวแกรก ๆ คือแบบ…จะทำให้มันง่ายกว่านี้ไม่ได้รึไง บางทีก็เจอแบบฝึกหัดที่คำถามมันกำกวม ต้องตีความเองอีก สรุปคือทำไปเดาไป

ก็มีบ้างนะ บางบทที่รู้สึกว่า เออ อันนี้ดี สอนเรื่องที่มันพอจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ พวกบทสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สั่งอาหาร ถามทาง ไรงี้ แต่บางบทนี่เรียนไปก็คิดในใจ “แล้วกูจะเอาไปพูดกับใครวะเนี่ย” มันดูวิชาการเกิ๊น หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวสุด ๆ
ช่วงแรก ๆ ก็พยายามทำตามที่หนังสือมันบอกเป๊ะ ๆ นะ อ่านทุกตัวอักษร ทำทุกแบบฝึกหัด แต่หลัง ๆ เริ่มไม่ไหวว่ะ มันน่าเบื่อ บางทีก็แอบข้าม ๆ ไปบ้าง บทไหนไม่ชอบก็ไม่อ่านเลย อาศัยไปหาดูคลิปสอนภาษาอังกฤษในยูทูบเอาบ้าง หรือไม่ก็ไปหาอ่านบทความง่าย ๆ แทน รู้สึกว่ามันได้ผลเร็วกว่าอีกสำหรับบางเรื่อง
จะว่าไปนะ ที่ต้องมานั่งหัวหมุนกับหนังสือเล่มนี้จริงจังขนาดนี้ มันมีที่มาที่ไปอยู่หน่อยนึงว่ะ คือจำได้เลย มีครั้งนึงต้องไปคุยงานกับฝรั่ง คือเตรียมตัวไปอย่างดีนะ ท่องสคริปต์ไปจากบ้านเลย คิดว่าเอาอยู่แน่ ๆ แต่พอถึงเวลาจริงเท่านั้นแหละ แม่งเอ๊ย…เขาพูดนอกสคริปต์มาคำเดียว สตั๊นไปเลยจ้า ในหัวมันขาวโพลน ศัพท์ที่ท่องมาหายเกลี้ยง อยากจะแทรกแผ่นดินหนี โคตรอายเลย กลับมาบ้านนี่เฟลสุด ๆ เลยเป็นแรงผลักดันว่า กูต้องพูดอังกฤษให้ได้ดีกว่านี้โว้ย! เลยเป็นที่มาของการไปขุดหนังสือเล่มนี้มานั่งอ่านจริงจังไงล่ะ
พอเอาประสบการณ์จริงมาเทียบกับสิ่งที่เรียนในหนังสือนะ มันก็ช่วยได้แหละเรื่องโครงสร้างประโยค เรื่องคำศัพท์พื้นฐาน แต่ในสถานการณ์จริงมันพลิกแพลงกว่าในตำราเยอะเลยว่ะ ไอ้พวกบทสนทนาสำเร็จรูปในหนังสือ พอเจอของจริงมันไม่ค่อยมีใครพูดตรงเป๊ะ ๆ แบบนั้นหรอก มันต้องอาศัยการฟังเยอะ ๆ แล้วก็กล้าที่จะพูดผิดพูดถูกออกไปก่อน หนังสือมันให้ได้แค่พื้นฐานจริง ๆ
สรุปแล้ว ไอ้หนังสือเรียนภาษาอังกฤษเนี่ย มันก็เป็นแค่เครื่องมือชิ้นนึง ไม่ใช่ยาวิเศษที่จะทำให้เราเก่งขึ้นมาได้ในข้ามคืนหรอก มันมีทั้งส่วนที่ดีแล้วก็ส่วนที่อาจจะไม่ตอบโจทย์เราทั้งหมด สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่ตัวเราเองนี่แหละว่าจะเอาไปปรับใช้ยังไง ขยันฝึกฝนเพิ่มเติมแค่ไหน อย่าไปคาดหวังว่าอ่านจบเล่มแล้วจะเทพเลย มันต้องใช้เวลาและความพยายามของเราเองล้วน ๆ