จุดเริ่มต้นของการอยากพูดอังกฤษได้
ตอนนั้นน่ะเหรอ มันมีอยู่เรื่องนึงที่แบบ…โอ้โห อยากจะมุดดินหนีเลยว่ะ คือไปเที่ยวไง แล้วแบบฝรั่งมาถามทาง ง่ายๆ เลยนะ แต่ในหัวตอนนั้นคือ…ว่างเปล่า! ได้แต่ยิ้มแหะๆ แล้วก็โบกมือมั่วๆ ไป โคตรอายเลย กลับมาบ้านนี่แบบ เอาวะ! ต้องพูดให้ได้โว้ยยย ไม่ใช่แค่นั้นนะ ดูหนังฟังเพลงงี้ บางทีอยากรู้ความหมายมันใจจะขาด แต่ก็ต้องรอซับ รอคนแปล มันไม่ทันใจวัยรุ่นอย่างเราๆ (ตอนนั้นนะ ฮ่าๆ)
ไอ้ความคิดที่ว่า “ต้องได้สิวะ” มันก็วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ดูคนอื่นเขาพูดคล่องๆ แล้วมันอิจฉาเว้ย อยากเป็นแบบนั้นบ้าง อยากเข้าใจโลกกว้างๆ ที่เขาคุยกันโดยไม่ต้องผ่านตัวกรองภาษาไทยอีกที
ลองผิดลองถูกสารพัดวิธี
ช่วงแรกๆ นี่เหมือนจับปูใส่กระด้งเลยนะ บอกตรงๆ

- ซื้อหนังสือมาอ่านเอง: กองเต็มห้องไปหมด อ่านได้สองหน้า…หลับ! แกรมม่งแกรมม่าอะไรไม่รู้ เยอะแยะปวดหัวไปหมด ศัพท์ก็เยอะจนท้อ เปิดดิกชันนารีบ่อยกว่าอ่านเนื้อหาอีก
- โหลดแอปดังๆ มาเล่น: แรกๆ ก็สนุกดี สะสมแต้มไปวันๆ แข่งกับเพื่อนไป แต่พอเอาเข้าจริง บทสนทนาในแอปมันก็วนๆ อยู่ไม่กี่แบบ พอเจอสถานการณ์จริง…ใบ้รับประทานเหมือนเดิม! เหมือนเล่นเกมมากกว่าเรียนจริงจัง
- ไปลงคอร์สเรียน: อันนี้หนักเลย เจอครูฝรั่งพูดเร็วไฟแลบ ฟังไม่ทันเพื่อนในห้องก็เก่งๆ กันไปหมด เรารึ…นั่งเอ๋อแดกสิครับ บางทีครูถามอะไรมา ตอบไม่ได้ อายม้วนไปเลย รู้สึกท้อแท้มาก เหมือนเรามันโง่เองหรือเปล่าวะ หรือเราไม่เหมาะกับการเรียนภาษาจริงๆ
มันเหมือนกับที่เขาว่านั่นแหละ “เครื่องมือมันเยอะแยะไปหมด แต่ใช้ไม่เป็นซักอย่าง” ภาษาอังกฤษก็เหมือนกัน แหล่งเรียนรู้เพียบ ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แต่ถ้าเราหาทางของเราไม่เจอ หรือจับจุดไม่ได้ มันก็เละตุ้มเป๊ะอยู่นั่นแหละ ไม่ต่างอะไรกับจับฉ่ายหม้อใหญ่ที่รสชาติมันยังไม่เข้าที่เข้าทางเลยจริงๆ
แล้ววันหนึ่งก็เจอแสงสว่าง (รึเปล่า?)
หลังจากเฟลมานับครั้งไม่ถ้วน เกือบจะถอดใจละนะ คิดว่าชาตินี้คงพูดอังกฤษไม่ได้แน่ๆ แต่ก็มีเพื่อนคนนึงมันแนะนำว่า “ลองเปลี่ยนวิธีคิดดิ อย่าไปจมกับตำรามากนัก ลองหาอะไรที่ชอบแล้วเริ่มจากตรงนั้นดิ เผื่อมันจะเวิร์ค”
เออว่ะ…ง่ายๆ แค่นี้ทำไมคิดไม่ได้! ตอนนั้นบ้าดูซีรีส์ฝรั่งมาก โดยเฉพาะแนวสืบสวนสอบสวน เลยเริ่มจากตรงนั้นเลย
วิธีของฉัน (แบบมั่วๆ แต่ได้ผลเฉย):
- ดูซีรีส์แบบเปิดซับอังกฤษ: แรกๆ ก็อ่านซับอย่างเดียวเลย ฟังไม่รู้เรื่องหรอก สำเนียงก็หลากหลายเหลือเกิน แต่พอดูซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ เอ๊ะ! เริ่มจับคำได้ เริ่มเข้าใจว่าเขาพูดอะไรในสถานการณ์นั้นๆ บางทีก็หยุดแล้วพูดตามเลย ตลกตัวเองดี
- ฟังเพลงสากลแล้วหาเนื้อเพลงมาอ่านตาม: อันนี้ช่วยเรื่องคำศัพท์เยอะมาก แถมได้ฝึกออกเสียงตามแบบเนียนๆ (ในห้องน้ำคนเดียวนะ ฮ่าๆๆ) เพลงไหนชอบมากๆ ก็ร้องตามจนจำได้ทั้งเพลงเลย มันทำให้จำศัพท์เป็นประโยคๆ ได้ดีกว่าท่องเป็นคำๆ อีก
- หาเพื่อนต่างชาติคุย (แบบกล้าๆ กลัวๆ): สมัยนี้มีแอปหาเพื่อนคุยภาษาเยอะแยะ แรกๆ ก็พิมพ์มั่วๆ ผิดๆ ถูกๆ โดนแก้แกรมม่ากระจาย แต่ส่วนใหญ่เขาก็ใจดีนะ ช่วยสอน ช่วยแก้ให้ มันทำให้เรากล้าพูดมากขึ้นเยอะเลย จากที่เคยกลัวฝรั่ง หรือกลัวพูดผิด ตอนนี้เริ่มอยากคุยด้วยซะงั้น! มันเหมือนได้ฝึกจริงในสนามรบเลยล่ะ
- พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษ: อันนี้ยากหน่อย แต่ก็พยายามทำ เช่น เวลาจะทำอะไร ก็ลองนึกเป็นประโยคภาษาอังกฤษในหัวดู มันช่วยให้เราชินกับการเรียบเรียงประโยคมากขึ้น
มันไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวหรอกนะเอาจริง บางคนอาจจะชอบเรียนกับครู บางคนชอบอ่านหนังสือ บางคนชอบไปอยู่ต่างประเทศเลย แต่สำหรับฉัน วิธีแบบลูกทุ่งๆ บ้านๆ ผสมปนเปกันไปนี่แหละเวิร์คสุด มันทำให้การเรียนภาษาอังกฤษไม่น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อน

ทุกวันนี้ก็ยังเรียนอยู่
ถามว่าเก่งปร๋อเลยมั้ย? บอกเลยว่ายัง! ฮ่าๆๆ ภาษาอังกฤษมันเหมือนทะเลอ่ะ ไม่มีที่สิ้นสุด เรียนไปเรื่อยๆ ก็เจอศัพท์ใหม่ๆ สำนวนแปลกๆ โครงสร้างประโยคที่ไม่คุ้นเคยตลอดเวลา บางทียังฟังเจ้าของภาษาพูดเร็วๆ ไม่ทันเลยด้วยซ้ำ
แต่ที่เปลี่ยนไปคือ ความกลัวมันหายไปเยอะมาก จากที่เคยใบ้แดกเวลาเจอฝรั่ง หรือเวลาต้องพูดในที่ประชุมที่มีคนต่างชาติ ตอนนี้ก็พอจะถูๆ ไถๆ สั่งกาแฟ ถามทาง หรือเถียงเรื่องซีรีส์ได้บ้างแล้ว (อันหลังนี่สำคัญ ฮ่าๆๆ) มันกล้าที่จะพูดผิดมากขึ้น เพราะรู้ว่าผิดก็แค่เรียนรู้ใหม่
มันไม่ใช่แค่เรื่องพูดได้นะ แต่มันเปิดโลกเราให้กว้างขึ้นเยอะเลย ได้อ่านข่าวจากต่างประเทศโดยตรง ได้ดูหนังฟังเพลงแบบเข้าใจอารมณ์ของมันจริงๆ ได้คุยกับคนจากหลากหลายวัฒนธรรม มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยนะ เหมือนเราได้ปลดล็อกสกิลใหม่ให้ชีวิต
ใครที่กำลังเริ่ม หรือท้ออยู่ อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งยอมแพ้! หาทางของตัวเองให้เจอ สนุกกับมัน แล้วเดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ เชื่อดิ! อาจจะช้าหน่อย ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปแข่งกับใคร แข่งกับตัวเองเมื่อวานก็พอแล้ว วันนี้รู้ศัพท์เพิ่มคำนึง ฟังออกประโยคนึง ก็ถือว่าเก่งขึ้นแล้ว
เส้นทางการเรียนภาษาอังกฤษของฉันมันก็ประมาณนี้แหละ ออกจะทุลักทุเลหน่อย ล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ แต่ก็มาถึงจุดที่พอใจในระดับนึงละนะ อย่างน้อยก็ไม่โดนฝรั่งถามทางแล้วยืนเอ๋อเหมือนเมื่อก่อนแล้วเฟ้ย! สู้ต่อไป ทาเคชิ!
