เอาล่ะ วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ตรงเลยนะ เรื่องเรียนภาษาอังกฤษแบบไม่มีพื้นฐานอะไรติดตัวมาเลยเนี่ย ตอนแรกก็มืดแปดด้านเลย ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนจริงๆ
ผมเริ่มจากอะไรที่มันเบสิกสุดๆ เลยนะ ตัวอักษร A B C เนี่ยแหละ นั่งคัด นั่งท่อง พยายามจำให้ได้ว่าแต่ละตัวหน้าตาเป็นยังไง ออกเสียงคร่าวๆ ว่าอะไร ตอนนั้นก็ยังงงๆ อยู่เลยว่าตัวพิมพ์ใหญ่พิมพ์เล็กมันต่างกันยังไง ทำไมต้องมีสองแบบ ฮ่าๆ
พอเริ่มจำตัวอักษรได้บ้างแล้ว ก็ไปต่อที่การออกเสียง Phonics อันนี้ยากหน่อย เพราะลิ้นมันยังไม่ไปจริงๆ บางเสียงในภาษาไทยมันไม่มี ก็ต้องพยายามฟังจากพวกคลิปสอนเด็กๆ แล้วก็ทำปากตามเขา แรกๆ ก็เพี้ยนสุดๆ แต่ก็พยายามต่อไป

จากนั้นก็เริ่มจำคำศัพท์ง่ายๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ผมเริ่มจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเลย
- พวกคำนามง่ายๆ เช่น cat, dog, table, book, pen
- ตัวเลข one, two, three ไปเรื่อยๆ
- สีต่างๆ red, blue, green
- คำกริยาง่ายๆ eat, drink, sleep, walk
ผมใช้วิธีเขียนคำศัพท์ใส่กระดาษเล็กๆ แปะไว้ตามที่ต่างๆ ในบ้านเลยนะ เช่น แปะคำว่า “door” ไว้ที่ประตู, “window” ไว้ที่หน้าต่าง มันช่วยให้เราเห็นบ่อยๆ แล้วก็จำได้เอง แรกๆ ก็จำได้บ้างลืมบ้าง เป็นเรื่องปกติ อย่าไปท้อ
พอได้ศัพท์มาบ้างแล้ว ก็พยายามเอามาต่อเป็นประโยคง่ายๆ แบบสั้นๆ ก่อนเลย เช่น “I am a boy.” (ตอนนั้นยังไม่เข้าใจแกรมม่งแกรมม่าอะไรหรอกนะ เอาแบบที่เคยได้ยินมา) “This is a cat.” อะไรแบบนี้ ตอนนั้นรู้สึกว่า เห้ย! แค่นี้ก็เจ๋งแล้วสำหรับเรา
อันนี้แหละที่เริ่มปวดหัว เพราะมันมีเรื่องไวยากรณ์เข้ามาเกี่ยว ไอ้พวก is, am, are, was, were, do, does, did โอ้ย! งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ บอกตรงๆ ว่าช่วงนี้ท้อมาก แต่ก็พยายามหาหนังสือแกรมม่าง่ายๆ สำหรับเด็กมาอ่านนะ เอาแบบที่มีรูปภาพประกอบเยอะๆ คำอธิบายไม่ซับซ้อน ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละเรื่อง ไม่ต้องรีบ
ผมก็ไปหาหนังสือเด็กภาษาอังกฤษมาอ่านนะ แบบที่มีรูปเยอะๆ คำศัพท์ไม่ยาก มันช่วยให้เราเดาความหมายจากบริบทได้ แล้วก็รู้สึกสนุกกับการอ่านด้วย ไม่เครียดเกินไป
แล้วก็ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษแบบซับไทยก่อน แล้วค่อยๆ ลองปิดซับ หรือหาการ์ตูนที่มันพูดช้าๆ ชัดๆ มาดู มันช่วยเรื่องการฟังได้เยอะเลยนะ เราจะเริ่มคุ้นเคยกับสำเนียง กับจังหวะการพูดของเขา
ที่สำคัญเลยคือ พยายามพูดกับตัวเองหน้ากระจก อันนี้อาจจะดูบ้าๆ หน่อยนะ แต่ช่วยได้จริง ผมจะลองพูดประโยคง่ายๆ ที่เรียนมา หรือลองบรรยายสิ่งที่เห็นเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ ผิดถูกช่างมัน ขอให้ได้พูดออกไปก่อน
มีหลายครั้งที่ท้อนะ แบบว่าทำไมมันยากจังวะ จำไม่ได้สักที ออกเสียงก็ไม่เหมือนเขา แต่ก็คิดว่า เฮ้ย! ถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้สิวะ คนที่ไม่มีพื้นฐานเลยแล้วเริ่มเรียนจนเก่งก็มีเยอะแยะไป เราก็แค่ต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าคนอื่นหน่อย
ผลลัพธ์ที่ได้ตอนนี้
ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมายหรอกนะ บอกเลยว่ายังอีกไกล แต่พอจะฟังออกบ้าง พูดสื่อสารเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันได้ อ่านป้าย อ่านเมนูอาหารง่ายๆ ได้บ้างแล้ว จากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากพูดภาษาอังกฤษ จนมาถึงจุดนี้ได้ ผมว่ามันก็คุ้มค่านะ มันเปิดโลกให้เราเยอะเลย
เคล็ดลับสำคัญเลยนะ คือ ความสม่ำเสมอ ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย ผมพยายามจะหาเวลาสัก 15-30 นาทีทุกวันเพื่อทบทวนศัพท์ อ่านเรื่องสั้นๆ หรือดูคลิปอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษ
แล้วก็อย่ากลัวผิด ผิดก็เริ่มใหม่ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก การเรียนภาษามันต้องใช้เวลาและการฝึกฝนจริงๆ ครับ
นี่แหละครับ ประสบการณ์ตรงของผมที่เริ่มจากศูนย์จริงๆ ใครที่กำลังคิดจะเริ่ม หรือเริ่มไปแล้วแล้วรู้สึกท้อ สู้ๆ นะครับ มันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปถ้าเราตั้งใจจริง!