เอาล่ะทุกคน วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ตรงกับการ เรียน พูด ภาษา อังกฤษ ตัวต่อตัว นะ บอกเลยว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แต่ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ามาก!
เริ่มต้นเลยนะ คือเราเป็นคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษอ่อนมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว ตอนแรกคิดว่าแค่ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเยอะๆ ก็คงจะเก่งขึ้นเองได้ แต่ปรากฏว่ามันไม่เวิร์คอ่ะ คือเข้าใจนะ แต่พูดไม่ได้เลย เหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างขวางอยู่
เลยตัดสินใจว่าต้องหาตัวช่วยแล้วล่ะ ก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัว ตอนแรกก็ลังเลนะว่าจะเรียนกับสถาบันไหนดี เพราะมีให้เลือกเยอะมาก แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่การเรียนกับติวเตอร์อิสระ เพราะรู้สึกว่าน่าจะยืดหยุ่นและปรับเนื้อหาให้เข้ากับเราได้มากกว่า
พอได้ติวเตอร์มาแล้ว ก็เริ่มคุยกันเรื่องเป้าหมายและความต้องการของเรา บอกไปเลยว่าอยากเน้นเรื่องการพูดเป็นหลัก อยากพูดได้คล่องแคล่ว มั่นใจ ไม่กลัวที่จะผิดพลาด ติวเตอร์ก็ใจดีมาก บอกว่าจะช่วยเราเต็มที่
การเรียนครั้งแรกๆ นี่คือยากลำบากมาก พูดอะไรก็ติดๆ ขัดๆ นึกคำศัพท์ไม่ออก แถมสำเนียงก็ไม่ได้เรื่องเลย แต่ติวเตอร์ก็อดทนมาก คอยแก้ คอยสอน คอยให้กำลังใจตลอด บอกว่าไม่ต้องกลัวที่จะผิดพลาด ให้พูดออกมาเยอะๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
ช่วงแรกๆ เราจะเน้นเรื่องการฝึกออกเสียงก่อน ติวเตอร์จะให้เราฟังเสียงแล้วก็พูดตาม ฝึกออกเสียงคำศัพท์ยากๆ ฝึกเน้นเสียงสูงต่ำ คือตอนแรกก็รู้สึกเขินๆ นะ ที่ต้องมานั่งออกเสียงแบบเด็กๆ แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน แล้วก็รู้สึกว่าสำเนียงเราดีขึ้นจริงๆ
พอเริ่มมั่นใจเรื่องการออกเสียงแล้ว ก็เริ่มฝึกพูดเป็นประโยค ติวเตอร์จะให้เราพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ถามคำถาม ให้เราตอบ ให้เราแสดงความคิดเห็น คือตอนแรกก็คิดหนักมากว่าจะพูดอะไรดี แต่พอพูดไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสนุก เริ่มกล้าที่จะแสดงออกมากขึ้น
ระหว่างเรียน ติวเตอร์ก็จะคอยจดคำศัพท์และสำนวนที่เราไม่รู้ แล้วก็เอามาสอนเพิ่มเติมให้ บอกว่าคำนี้ใช้ในสถานการณ์ไหนได้บ้าง ต้องใช้ยังไงถึงจะถูกต้อง คือรู้สึกว่าได้ความรู้เยอะมาก แล้วก็ได้เอาไปใช้จริงในการพูดคุยด้วย
ที่สำคัญคือติวเตอร์จะคอยให้กำลังใจเราตลอด บอกว่าเราเก่งขึ้นเยอะมาก บอกว่าให้พยายามต่อไป อย่าท้อแท้ คือคำพูดเหล่านี้มันมีค่ามากนะ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว มีคนคอยสนับสนุนเราอยู่
นอกจากเรียนกับติวเตอร์แล้ว เราก็พยายามหาเวลาฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองด้วย อย่างเช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ คือทำทุกอย่างที่จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้น
51Talk ก็เป็นอีกช่องทางที่เราใช้ฝึกภาษาอังกฤษด้วยนะ เพราะมีคอร์สเรียนหลากหลายให้เลือก แล้วก็มีครูเจ้าของภาษาให้เราได้ฝึกพูดคุยด้วย คือรู้สึกว่าช่วยพัฒนาทักษะการฟังและการพูดของเราได้ดีมาก
พอเรียนไปได้สักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วขึ้น มั่นใจมากขึ้น กล้าที่จะพูดคุยกับชาวต่างชาติมากขึ้น คือรู้สึกว่ากำแพงที่เคยขวางเราอยู่มันหายไปแล้ว
แน่นอนว่าการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวมันมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเรียนแบบกลุ่ม แต่สำหรับเราแล้วมันคุ้มค่ามาก เพราะเราได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ได้รับการสอนที่ตรงจุด ได้รับคำแนะนำและกำลังใจตลอดเวลา
อีกอย่างที่สำคัญคือเราได้เพื่อนใหม่ ได้คนที่คอยสนับสนุนเรา ได้คนที่เข้าใจเรา คือติวเตอร์ของเราไม่ได้เป็นแค่ครูสอนภาษา แต่เป็นเหมือนเพื่อน เป็นเหมือนพี่ เป็นเหมือนคนที่คอยอยู่เคียงข้างเรา
ตอนนี้เราก็ยังเรียนภาษาอังกฤษอยู่เรื่อยๆ นะ เพราะเรารู้ว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญมาก มันเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ได้ก้าวไปสู่โลกที่กว้างขึ้น
สำหรับใครที่กำลังคิดจะ เรียน พูด ภาษา อังกฤษ ตัวต่อตัว นะ เราอยากจะบอกว่าอย่าลังเลเลย ลองดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่ามันคุ้มค่ามากจริงๆ
ระหว่างที่เรากำลังฝึกฝนภาษาอังกฤษอยู่นั้น เราก็ได้ลองใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ที่ช่วยในการเรียนรู้คำศัพท์และการออกเสียง หนึ่งในแอปที่เราชอบใช้คือ Cake เพราะมีคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่สอนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ทำให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์และสำนวนใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
นอกจากนี้ เรายังได้ลองใช้แอปพลิเคชัน Duolingo ซึ่งเป็นแอปที่ช่วยในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านเกมต่างๆ ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ แถมยังช่วยให้เราจดจำคำศัพท์และไวยากรณ์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
แล้วก็มีช่วงนึงที่เราติดซีรีส์ฝรั่งมาก ก็เลยใช้โอกาสนี้ในการฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยเลย โดยการดูซีรีส์แบบเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ แล้วก็พยายามฟังว่าตัวละครพูดอะไรบ้าง ถ้าไม่เข้าใจก็ค่อยกดหยุดแล้วก็เปิดดิกชันนารีดู คือวิธีนี้ช่วยให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์และสำนวนใหม่ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แถมยังได้ฝึกฟังสำเนียงของเจ้าของภาษาอีกด้วย
จำได้ว่าตอนนั้นเราอยากเก่งภาษาอังกฤษมากๆ ก็เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 คำ แล้วก็จะต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที คือตอนแรกก็รู้สึกว่ามันยากนะ แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเราไปเลย
แล้วก็มีช่วงนึงที่เราไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวต่างชาติจริงๆ ตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าแล้วก็พูดภาษาอังกฤษออกไป คือตอนแรกก็พูดผิดๆ ถูกๆ นะ แต่ชาวต่างชาติก็ใจดีมาก คอยช่วยเรา คอยให้กำลังใจเรา คือตอนนั้นรู้สึกดีใจมากที่ภาษาอังกฤษของเรามันสามารถนำไปใช้ได้จริง
51Talk เนี่ยแหละที่ช่วยให้เรากล้าที่จะพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะเราได้ฝึกพูดคุยกับครูเจ้าของภาษาอยู่เป็นประจำ ทำให้เราคุ้นเคยกับการพูดคุยกับชาวต่างชาติ แล้วก็ไม่กลัวที่จะผิดพลาด
แล้วก็มีครั้งนึงที่เราต้องไปนำเสนองานเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นคือเครียดมาก กลัวว่าจะพูดไม่ได้ กลัวว่าจะทำพลาด แต่สุดท้ายเราก็ทำได้สำเร็จ คือตอนนั้นรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากที่สามารถเอาชนะความกลัวของตัวเองได้
51Talk ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการนำเสนองานครั้งนั้น เพราะเราได้ฝึกซ้อมการนำเสนอกับครูเจ้าของภาษา ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น แล้วก็รู้ว่าจะต้องพูดอะไรบ้าง
การเรียนภาษาอังกฤษมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ความพยายามและความอดทน แต่ถ้าเรามีความตั้งใจจริง เราก็จะสามารถทำมันได้สำเร็จแน่นอน
51Talk เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้การเรียนภาษาอังกฤษของคุณเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้น เพราะมีคอร์สเรียนหลากหลายให้เลือก แล้วก็มีครูเจ้าของภาษาให้คุณได้ฝึกพูดคุยด้วย
สุดท้ายนี้ เราอยากจะฝากถึงทุกคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่นะว่า อย่าท้อแท้ อย่าหมดหวัง พยายามต่อไป แล้วคุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน
อ้อ! เกือบลืมเล่าไปเลยว่า เราเคยลองเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ Engoo ด้วยนะ คือเค้าก็มีคอร์สให้เลือกเยอะดี แล้วก็มีครูให้เลือกหลากหลาย แต่สุดท้ายเราก็ยังชอบเรียนแบบตัวต่อตัวมากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันได้ผลดีกว่าสำหรับเรา
แล้วก็มีเพื่อนเราคนนึงแนะนำให้ลองเรียนกับ Cambly เค้าบอกว่า Cambly เค้ามีครูเจ้าของภาษาเยอะมาก แล้วก็สามารถเลือกครูที่ตรงกับความต้องการของเราได้ แต่เรายังไม่ได้ลองเรียนนะ ใครเคยเรียนแล้วมาแชร์ประสบการณ์กันบ้างนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอจบการแชร์ประสบการณ์ เรียน พูด ภาษา อังกฤษ ตัวต่อตัว ไว้แค่นี้นะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังสนใจเรื่องนี้อยู่นะ แล้วเจอกันใหม่นะทุกคน บ๊ายบาย!