อาการไอในเด็กเป็นปัญหาที่พบบ่อยและสร้างความกังวลให้ผู้ปกครอง การดูแลเบื้องต้นอย่างถูกวิธีสามารถช่วยบรรเทาอาการและทำให้เด็กสบายตัวขึ้นได้
วิธีบรรเทาอาการไอในเด็กเบื้องต้น
- การให้เด็กดื่มน้ำมากๆ: น้ำอุ่นหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ ช่วยให้ชุ่มคอ ลดการระคายเคือง และช่วยให้เสมหะข้นเหนียวน้อยลง
- น้ำผึ้ง (สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป): ให้น้ำผึ้ง 1/2 – 1 ช้อนชา ก่อนนอนหรือเมื่อมีอาการไอ น้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยลดอาการไอและทำให้ชุ่มคอ ห้ามใช้น้ำผึ้งในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เนื่องจากเสี่ยงต่อภาวะ Botulism
- การเพิ่มความชื้นในอากาศ: ใช้เครื่องทำความชื้นในห้องนอนของเด็ก หรือให้เด็กสูดไอน้ำอุ่นๆ (ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยจากน้ำร้อน) เพื่อช่วยลดอาการคอแห้งและทำให้หายใจสะดวกขึ้น
- การจัดท่านอน: ให้เด็กนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงเล็กน้อย เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นและลดอาการไอเวลานอน
- การให้เด็กพักผ่อนอย่างเพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ: หากเด็กมีน้ำมูกร่วมด้วย การล้างจมูกช่วยให้น้ำมูกลดลงและลดการไหลลงคอซึ่งกระตุ้นให้ไอ
เมื่อไหร่ควรพาลูกไปพบแพทย์
แม้ว่าอาการไอส่วนใหญ่ในเด็กจะไม่อันตราย แต่ควรพาไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้:
- เด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือนมีอาการไอ
- ไอติดต่อกันนานเกิน 1-2 สัปดาห์ หรืออาการไอแย่ลง
- มีไข้สูง (อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป)
- หายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือมีเสียงหวีดขณะหายใจ
- เจ็บหน้าอกขณะไอ
- ไอเป็นเลือด หรือเสมหะมีสีเขียวเหลืองปนเลือด
- เด็กมีอาการซึม ไม่เล่น ไม่ยอมกินอาหารหรือดื่มน้ำ
- มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ผื่น อาเจียน ท้องเสีย
- เด็กมีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ
ข้อควรระวังและสิ่งที่ไม่ควรทำ
- ไม่ควรซื้อยาแก้ไอให้เด็กรับประทานเอง โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสารกดการไอ (antitussives) หรือยาขับเสมหะ (expectorants) ในเด็กเล็ก หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ
- หลีกเลี่ยงการให้เด็กสัมผัสควันบุหรี่ ฝุ่นละออง หรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการไอ
- ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เพราะอาการไอส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาได้
การดูแลสุขอนามัยที่ดี เช่น การล้างมือบ่อยๆ และการให้เด็กหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อที่ทำให้เกิดอาการไอได้
