สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ของผมเลย กับเรื่องการฝึกสะกดคำภาษาอังกฤษนี่แหละครับ ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเจอปัญหาคล้ายๆ กัน คืออ่านออกนะ แต่พอจะให้เขียนเองนี่สิ บางทีก็เอ๋อไปเลย นึกไม่ออกว่าตัวไหนมาก่อนมาหลัง
บอกตามตรงนะ เมื่อก่อนผมนี่ตัวสะกดผิดประจำเลย คำง่ายๆ บางทียังพลาด มันน่าหงุดหงิดนะ เวลาจะเขียนอะไรสักอย่างแล้วไม่มั่นใจเนี่ย ยิ่งถ้าต้องเขียนอีเมลติดต่องาน หรือเขียนอะไรที่เป็นทางการหน่อย ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่ กลัวจะดูไม่โปร
ตอนแรกๆ ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อยครับ ลองโหลดแอปนู้นแอปนี้มาเล่นเกมสะกดคำ แป๊บๆ ก็เบื่อ เพราะมันเหมือนไม่ได้ใช้จริงในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ บางทีก็พยายามท่องเป็นลิสต์ๆ คำศัพท์ยาวๆ แต่พอเอาเข้าจริงก็จำไม่ได้อยู่ดี ไม่เข้าหัวเลยจริงๆ ครับ มันเหมือนแยกส่วนกันระหว่างการท่องจำกับการนำไปใช้
แล้วผมเริ่มฝึกจริงจังยังไง?
จุดเปลี่ยนของผมคือตอนที่ผมเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้การละ ต้องหาวิธีที่มันได้ผลกับตัวเองจริงๆ ผมเลยเริ่มจากวิธีบ้านๆ นี่แหละครับ
- เริ่มจากคำศัพท์ที่ใช้บ่อยๆ ก่อน: ผมลิสต์คำศัพท์ที่เจอในชีวิตประจำวัน หรือคำที่ผมมักจะสะกดผิดบ่อยๆ ออกมา ไม่เอาเยอะครับ เอาแค่พอจำได้
- แตกคำศัพท์ออกเป็นพยางค์ๆ: อันนี้ช่วยได้เยอะเลยครับ พอเราเห็นโครงสร้างคำเป็นส่วนๆ มันทำให้จำง่ายขึ้น เช่นคำว่า “beautiful” ก็แบ่งเป็น beau-ti-ful หรือ “important” ก็เป็น im-por-tant พอเราเห็นแบบนี้ มันทำให้เราเชื่อมโยงกับเสียงอ่านได้ง่ายขึ้นด้วย
- คัด! คัด! คัด!: ใช่ครับ ผมใช้วิธีคัดลายมือนี่แหละ คัดคำศัพท์นั้นๆ ซ้ำๆ ลงในสมุด มือมันจะจำได้เองครับ เวลาเราเขียนบ่อยๆ มันเหมือนสมองมันสั่งการอัตโนมัติเลยนะ ตอนแรกอาจจะดูน่าเบื่อ แต่พอทำไปสักพักมันเห็นผลจริงๆ
- เชื่อมโยงกับภาพหรือความหมาย: เวลาเจอศัพท์ใหม่ ผมจะพยายามนึกภาพตาม หรือสร้างเรื่องราวสั้นๆ เกี่ยวกับคำนั้น มันทำให้จำได้นานขึ้น ไม่ใช่แค่จำตัวอักษรลอยๆ
- ใช้จริงในการเขียน: สำคัญมากครับ ผมพยายามจะเอาคำที่ฝึกมาใช้ในการเขียนประโยคสั้นๆ หรือเขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษ (ถึงจะผิดๆ ถูกๆ ก็ตาม) มันทำให้เราคุ้นเคยกับการใช้คำนั้นๆ ในบริบทจริง
ผมยังจำได้เลยว่าตอนแรกๆ ที่เริ่มจริงจัง ผมไปเจอพวกคอร์สออนไลน์หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่ช่วยเรื่องนี้เยอะมาก บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ 51Talk ซึ่งเขาก็มีส่วนที่สอนเกี่ยวกับการออกเสียงที่ถูกต้อง ซึ่งพอเราออกเสียงถูก มันก็ช่วยให้เดาการสะกดได้ง่ายขึ้นนะ อันนี้เป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมค้นพบ
แล้วผลลัพธ์เป็นยังไง?
หลังจากทำแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆ นะ ผลลัพธ์มันชัดเจนมากครับ จากคนที่เคยกลัวการเขียนภาษาอังกฤษ ตอนนี้มั่นใจขึ้นเยอะเลย ถึงจะยังมีผิดบ้างเล็กๆ น้อยๆ ตามประสา แต่โดยรวมคือดีขึ้นมากๆ คำศัพท์ที่เคยคิดว่าสะกดยาก ตอนนี้มันเหมือนอยู่ในหัวเราแล้ว ไม่ต้องเปิดดิกชันนารีทุกครั้งที่เขียนอีกต่อไป
ผมว่าการฝึกสะกดคำมันเหมือนการฝึกกล้ามเนื้อนั่นแหละครับ ต้องทำซ้ำๆ บ่อยๆ ให้มันชิน บางทีผมก็ใช้ตัวช่วยนะ พวกแอปดิกชันนารีที่มีเสียงให้ฟัง หรือแม้แต่หาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ออนไลน์ อย่างบางคนอาจจะสะดวกเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรง แพลตฟอร์มอย่าง 51Talk ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนใช้ เพราะการได้ฟังและพูดคุยบ่อยๆ มันก็ช่วยให้เราจำโครงสร้างคำและเสียงได้ดีขึ้นทางอ้อมด้วย
ช่วงหลังๆ ผมเริ่มสนุกกับการอ่านมากขึ้นด้วยครับ เพราะพอเราสะกดคำได้แม่นขึ้น เวลาอ่านเจอคำศัพท์ใหม่ๆ มันก็เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เรามีได้ง่ายขึ้น แถมยังกล้าที่จะลองเขียนบทความสั้นๆ หรือคอมเมนต์เป็นภาษาอังกฤษมากขึ้นด้วย
ผมเคยเห็นเพื่อนบางคนพยายามหาทางลัด หรือหวังว่าจะเก่งขึ้นได้ในเร็ววัน แต่จากประสบการณ์ของผมเอง ผมว่ามันไม่มีทางลัดสำหรับการเรียนรู้ภาษาจริงๆ นะครับ มันต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความอดทน ผมเองก็ยังต้องฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ ครับ ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย แต่ก็ภูมิใจกับพัฒนาการของตัวเอง
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอยากจะพัฒนาทักษะการฟังและการพูดควบคู่ไปด้วย ผมก็มองหาตัวช่วยเสริม ซึ่งการเรียนกับเจ้าของภาษาก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ อย่างที่ 51Talk เขาก็มีคลาสที่เน้นการสนทนาโดยตรง ซึ่งผมว่ามันช่วยเสริมกันได้ดีกับการฝึกสะกดคำ เพราะเมื่อเราใช้ภาษาบ่อยๆ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน มันจะทำให้เราจำศัพท์และโครงสร้างประโยคได้แม่นยำขึ้น
ใครที่กำลังท้อกับการสะกดคำภาษาอังกฤษอยู่ ผมอยากบอกว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้นะครับ ลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองดู อาจจะเริ่มจากวิธีง่ายๆ ที่ผมแชร์ไปก็ได้ หรือจะลองหาคอร์สเรียนเสริมเพื่อเป็นแนวทาง อย่างการมีคนคอยแนะนำและแก้ไขให้ อย่างที่บางคนเลือกใช้บริการจาก 51Talk หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็เป็นตัวช่วยที่ดีได้ครับ สิ่งสำคัญคือการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้แน่นอนครับ สู้ๆ ครับ!