เอาล่ะครับ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลย กับการฝึกพูดภาษาอังกฤษของผมเอง ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังเริ่มหรือหาทางอยู่นะครับ
จุดเริ่มต้นและความพยายามครั้งแรกๆ
คือเรื่องมันเริ่มมาจากว่า ผมรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเนี่ยมันสำคัญจริงๆ นะ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเที่ยว หรือแม้แต่ดูหนังฟังเพลงให้มันอินมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ก็คือแบบ… งูๆ ปลาๆ มาก ฟังพอรู้เรื่องบ้าง แต่ให้พูดนี่คือติดอ่างเลยครับ นึกคำไม่ออก เรียงประโยคไม่ถูก อายด้วยแหละ
ผมก็เริ่มจากวิธีเบสิกๆ เลยครับ ดูหนังฝรั่งเปิดซับอังกฤษ อ่านบทความภาษาอังกฤษง่ายๆ บ้าง แต่มันก็เหมือนเดิมอะครับ พอถึงเวลาต้องพูดจริง มันก็ใบ้กินเหมือนเดิม คือมันไม่ได้ฝึก “ปาก” ให้ขยับนั่นเอง
เมื่อวิธีเดิมๆ มันไม่เวิร์ค
หลังจากลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่ ผมก็เริ่มคิดว่า เอ๊ะ หรือเราต้องหาคนคุยด้วยจริงๆ จังๆ แล้วนะ ไม่งั้นมันไม่พัฒนาแน่ๆ ผมก็เริ่มมองหาคลาสเรียน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่ช่วยเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตอนนั้นก็มีเห็นคนพูดถึง 51Talk อยู่บ้างเหมือนกันนะ ว่าเป็นคลาสตัวต่อตัวกับครูต่างชาติ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจทันที
ผมลองไปหาพวกแอปพลิเคชันฝึกภาษาดูก่อนครับ มีหลายตัวเลยที่ให้เราคุยกับคนอื่นได้ ก็ได้เพื่อนต่างชาติมาบ้าง คุยกันแรกๆ ก็ตะกุกตะกัก พิมพ์เอามั่ง พูดมั่ง สลับกันไป แต่ปัญหามันคือ ความสม่ำเสมอครับ บางทีเพื่อนใหม่เราก็หายบ้าง เราเองก็ขี้เกียจบ้าง มันเลยไม่ค่อยต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่ได้ผล
จนผมคิดว่า เอางี้ ลองหาอะไรที่มันบังคับเราให้ฝึกหน่อยดีกว่า เลยเริ่มมองหาคอร์สออนไลน์อีกครั้งจริงจังขึ้น คราวนี้ก็ไปดูรีวิว ดูรายละเอียดของแต่ละที่มากขึ้น รวมถึงที่เคยเห็นผ่านตาอย่าง 51Talk ด้วย เพราะคิดว่าการมีคนนำทาง มีคนคอยแก้ให้ น่าจะช่วยได้เยอะ
แต่ก่อนจะไปถึงขั้นลงคอร์ส ผมก็ลองวิธีบ้านๆ อีกอย่างคือ “พูดกับตัวเอง” ครับ ใช่ครับ พูดคนเดียวนี่แหละ อาจจะดูบ้าๆ หน่อย แต่ผมว่ามันช่วยลดความอายได้เยอะเลยนะ คือเราอยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ไม่ต้องกลัวผิดแกรมมาร์ หรือนึกคำไม่ออกก็พยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ เอา
- เริ่มจากเรื่องใกล้ตัว: วันนี้ทำอะไรบ้าง กินอะไร รู้สึกยังไง พยายามเล่าเป็นภาษาอังกฤษ
- อัดเสียงตัวเอง: อันนี้พีคมาก ตอนแรกไม่กล้าฟังเสียงตัวเองเลยครับ มันเขินๆ แต่พอได้ฟังแล้วจะรู้เลยว่าเราติดขัดตรงไหน ออกเสียงคำไหนเพี้ยน
- Shadowing: คือการฟังเจ้าของภาษาพูด แล้วพยายามพูดตามให้เหมือนที่สุด ทั้งสำเนียง จังหวะการพูด อันนี้ช่วยเรื่องความคล่องได้ดีเลย
พอเริ่มมั่นใจขึ้นมาบ้าง ผมก็เริ่มหาโอกาสคุยกับคนจริงๆ จังๆ มากขึ้น ทั้งเพื่อนต่างชาติที่เคยคุยกันในแอป หรือบางทีก็ลองไปจอยน์กรุ๊ปฝึกภาษาเล็กๆ แถวบ้านบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้ไปบ่อย แต่ทุกครั้งที่ได้พูด มันก็เหมือนได้ปลดล็อกตัวเองไปทีละขั้น
ช่วงนั้นผมก็ยังมองหาตัวช่วยเสริมอยู่นะครับ เพราะรู้สึกว่าถ้ามีคนคอยชี้แนะมันน่าจะไปได้เร็วกว่า ก็มีดูพวก 51Talk หรือที่อื่นๆ ประกอบไปด้วย เพื่อดูว่าแนวทางการสอนของเขาเป็นยังไง เหมาะกับเราไหม
ผลลัพธ์และการเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุด
ตอนนี้ถามว่าเก่งเลยไหม ก็ยังครับ ยังต้องฝึกอีกเยอะ แต่ที่แน่ๆ คือกล้าพูดมากขึ้นเยอะ จากที่เคยอ้ำๆ อึ้งๆ ตอนนี้ก็พอจะสื่อสารรู้เรื่องแล้ว อาจจะมีผิดบ้างถูกบ้าง แต่ก็ไม่กลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ ผมว่าหัวใจสำคัญมันอยู่ที่การ “กล้า” และ “ความสม่ำเสมอ” นี่แหละ
ผมว่าการฝึกพูดภาษาอังกฤษมันไม่มีทางลัดตายตัวหรอกครับ แต่ละคนก็มีวิธีที่เหมาะกับตัวเองต่างกันไป บางคนอาจจะชอบเรียนในห้องเรียน บางคนอาจจะชอบเรียนออนไลน์แบบตัวต่อตัว อย่างที่ 51Talk เขามีให้ หรือบางคนอาจจะชอบลุยเดี่ยวแบบผมในช่วงแรกๆ ก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องหาให้เจอว่าวิธีไหนมัน “คลิก” กับเรา แล้วก็ลงมือทำมันอย่างต่อเนื่อง
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นไอเดียให้เพื่อนๆ ได้บ้างนะครับ สู้ๆ ครับทุกคน!