เมื่อต้องการสื่อสารเรื่อง “ลากิจ” เป็นภาษาอังกฤษ มีหลายคำและวลีที่สามารถใช้ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทและความเฉพาะเจาะจงของสถานการณ์ การทำความเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นมืออาชีพ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับ “ลากิจ”
- Personal Leave: เป็นคำที่ใช้บ่อยที่สุดและมีความหมายกว้างที่สุด หมายถึง การลาหยุดด้วยเหตุผลส่วนตัวทั่วไป
- Leave of Absence: มักใช้กับการลาที่มีระยะเวลานานกว่าปกติ เช่น ลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และอาจต้องมีกระบวนการอนุมัติที่เป็นทางการ
- Day Off: หมายถึง การหยุดงานหนึ่งวัน มักใช้กับการลาที่ไม่เป็นทางการมากนัก หรือการลาแบบวันเดียว
- Unpaid Leave: การลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงที่ลา
- Compassionate Leave / Bereavement Leave: การลาเนื่องจากการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลใกล้ชิด หรือเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง (บางองค์กรอาจให้เป็นสิทธิ์การลาที่ได้รับค่าจ้าง)
- Family and Medical Leave Act (FMLA): (ในสหรัฐอเมริกา) เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิ์พนักงานในการลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง แต่ยังคงรักษาสภาพการจ้างงานไว้ได้ เพื่อดูแลสุขภาพของตนเองหรือสมาชิกในครอบครัวที่มีอาการป่วยรุนแรง
วลีและประโยคที่ใช้ในการขอลากิจ
การขอลากิจควรใช้ภาษาที่สุภาพ ชัดเจน และแจ้งล่วงหน้าตามสมควร
- การแจ้งขอลา:
- I would like to request personal leave. (ฉันต้องการขอลากิจ)
- I need to take [จำนวนวัน] day(s) of personal leave. (ฉันจำเป็นต้องลากิจ [จำนวนวัน] วัน)
- I am writing to request a leave of absence from [วันที่เริ่มลา] to [วันที่สิ้นสุดการลา]. (ฉันเขียนมาเพื่อขอลางานตั้งแต่วันที่ [วันที่เริ่มลา] ถึง [วันที่สิ้นสุดการลา])
- Could I possibly take [วันที่] off for personal reasons? (ฉันขอลาในวันที่ [วันที่] ด้วยเหตุผลส่วนตัวได้หรือไม่)
- การให้เหตุผล (ถ้าจำเป็นและเหมาะสม):
- …due to a family matter. (เนื่องจากมีธุระทางครอบครัว)
- …to attend an important personal appointment. (เพื่อไปตามนัดหมายส่วนตัวที่สำคัญ)
- …for personal reasons. (ด้วยเหตุผลส่วนตัว – เป็นวลีทั่วไปหากไม่ต้องการระบุรายละเอียด)
- …due to an urgent personal matter. (เนื่องจากมีธุระส่วนตัวเร่งด่วน)
- การแจ้งเรื่องการจัดการงานช่วงที่ลา:
- I will complete all my urgent tasks before my leave. (ฉันจะทำงานเร่งด่วนทั้งหมดให้เสร็จก่อนลา)
- [ชื่อเพื่อนร่วมงาน] will cover my responsibilities while I am away. ([ชื่อเพื่อนร่วมงาน] จะช่วยดูแลงานแทนฉันในช่วงที่ฉันไม่อยู่)
- I will be reachable by email for urgent matters. (ฉันจะยังสามารถติดต่อได้ทางอีเมลสำหรับเรื่องด่วน)
ข้อควรพิจารณาเมื่อขอลากิจ
- นโยบายบริษัท (Company Policy): ตรวจสอบกฎระเบียบของบริษัทเกี่ยวกับการลากิจ จำนวนวันที่สามารถลาได้ ขั้นตอนการขออนุมัติ และการแจ้งล่วงหน้า
- การแจ้งล่วงหน้า (Notice Period): ควรแจ้งหัวหน้างานหรือฝ่ายบุคคลล่วงหน้าให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ความจำเป็นในการระบุเหตุผล: บางองค์กรอาจไม่ต้องการรายละเอียดของเหตุผลส่วนตัว แต่บางกรณี การให้ข้อมูลเบื้องต้นอาจช่วยให้การอนุมัติง่ายขึ้น
- การเตรียมการเรื่องงาน: วางแผนงานล่วงหน้า มอบหมายงานที่จำเป็น หรือแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อลดผลกระทบต่อการทำงานของทีม
- ความเป็นมืออาชีพ: ใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นทางการในการสื่อสารเสมอ
ตัวอย่างอีเมลขอลากิจ
ตัวอย่างที่ 1: การขอลากิจทั่วไป
Subject: Personal Leave Request – [ชื่อของคุณ]
Dear [ชื่อหัวหน้างาน/ผู้จัดการ],
I am writing to request personal leave for [จำนวนวัน] day(s) from [วันที่เริ่มลา] to [วันที่สิ้นสุดการลา]. I need to attend to some personal matters during this period.
I will ensure that all my urgent tasks are completed before my leave. [ถ้ามี: [ชื่อเพื่อนร่วมงาน] has agreed to cover my essential duties during my absence.]
Thank you for your consideration.

Sincerely,
[ชื่อของคุณ]
ตัวอย่างที่ 2: การขอลากิจกรณีเร่งด่วน
Subject: Urgent Personal Leave Request – [ชื่อของคุณ]
Dear [ชื่อหัวหน้างาน/ผู้จัดการ],
I would like to request an urgent personal leave for today, [วันที่], (หรือ for [จำนวนวัน] day(s) starting [วันที่]) due to an unforeseen personal circumstance that requires my immediate attention.
I apologize for the short notice. I have already [ระบุสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว เช่น informed [ชื่อเพื่อนร่วมงาน] about critical tasks]. I will do my best to check emails for urgent matters if possible.
Thank you for your understanding.
Best regards,
[ชื่อของคุณ]
ข้อควรจำ: การใช้คำศัพท์และรูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมจะช่วยให้การขอลากิจเป็นไปอย่างราบรื่น ควรปรับใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและสถานการณ์เฉพาะหน้าเสมอ